ราคาข้าวไทยที่สูงกว่าประเทศผู้ผลิตข้าวรายอื่น ทำให้ประเทศผู้ซื้อข้าวหลายรายหันไปซื้อข้าวจากประเทศผู้ผลิตข้าวที่มีราคาถูก ล่าสุด เว็บไซต์วงการค้าข้าวโอไดซา ดอทคอม เปิดเผยว่า ประเทศญี่ปุ่นได้บรรลุข้อตกลงซื้อข้าวจากประเทศพม่า แทนข้าวจากประเทศไทย โดยให้เหตุผลว่า ข้าวของไทยมีราคาแพงเกินไป
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า จากนโยบายรับจำนำข้าวทำให้ราคาข้าวไทยขณะนี้ยังคงสูงกว่าประเทศคู่แข่ง ประเทศที่เคยซื้อข้าวจากไทยจึงลดปริมาณการซื้อ และหันไปซื้อข้าวจากประเทศอื่นแทน เนื่องจากมีราคาถูกกว่า อย่างเช่นประเทศญี่ปุ่น ที่เคยซื้อข้าวจากไทยปีละ 250,000 ตัน ปัจจุบันเหลือเพียง 100,000 ตัน และหันไปซื้อข้าวจากประเทศพม่าแทน เนื่องจากข้าวขาวอยู่ที่ตันละ 380 เหรียญสหรัฐต่อตัน ขณะที่ไทยอยู่ที่ตันละ 560-570 เหรียญสหรัฐต่อตัน เวียดนาม 405-410 เหรียญสหรัฐต่อตัน อินเดีย 420-425 เหรียญสหรัฐต่อตัน ปากีสถานอยู่ที่ 420 เหรียญสหรัฐต่อตัน
นายชูเกียรติ กล่าวว่า การที่ประเทศญี่ปุ่นหันไปซื้อข้าวจากประเทศพม่าเป็นการยืนยันถึงคุณภาพข้าวพม่าได้เป็นอย่างดี เนื่องจากที่ผ่านมา ญี่ปุ่นมีความเข้มงวดเรื่องคุณภาพข้าว ซึ่งจะทำให้ประเทศผู้นำเข้าข้าวสนใจนำเข้าข้าวจากพม่าเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่า ปีนี้พม่าจะส่งออกข้าวได้ประมาณ 1.5 ล้านตัน จากปีที่แล้วที่ส่งออกได้ประมาณกว่า 800,000 ตัน
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า จากนโยบายรับจำนำข้าวทำให้ราคาข้าวไทยขณะนี้ยังคงสูงกว่าประเทศคู่แข่ง ประเทศที่เคยซื้อข้าวจากไทยจึงลดปริมาณการซื้อ และหันไปซื้อข้าวจากประเทศอื่นแทน เนื่องจากมีราคาถูกกว่า อย่างเช่นประเทศญี่ปุ่น ที่เคยซื้อข้าวจากไทยปีละ 250,000 ตัน ปัจจุบันเหลือเพียง 100,000 ตัน และหันไปซื้อข้าวจากประเทศพม่าแทน เนื่องจากข้าวขาวอยู่ที่ตันละ 380 เหรียญสหรัฐต่อตัน ขณะที่ไทยอยู่ที่ตันละ 560-570 เหรียญสหรัฐต่อตัน เวียดนาม 405-410 เหรียญสหรัฐต่อตัน อินเดีย 420-425 เหรียญสหรัฐต่อตัน ปากีสถานอยู่ที่ 420 เหรียญสหรัฐต่อตัน
นายชูเกียรติ กล่าวว่า การที่ประเทศญี่ปุ่นหันไปซื้อข้าวจากประเทศพม่าเป็นการยืนยันถึงคุณภาพข้าวพม่าได้เป็นอย่างดี เนื่องจากที่ผ่านมา ญี่ปุ่นมีความเข้มงวดเรื่องคุณภาพข้าว ซึ่งจะทำให้ประเทศผู้นำเข้าข้าวสนใจนำเข้าข้าวจากพม่าเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่า ปีนี้พม่าจะส่งออกข้าวได้ประมาณ 1.5 ล้านตัน จากปีที่แล้วที่ส่งออกได้ประมาณกว่า 800,000 ตัน