กรมการแพทย์ ร่วมกับสถาบันธัญญารักษ์ จัดโครงการเสวนาพิราบอาสาต้านภัยยาเสพติด โดยหวังให้สื่อมวลชนเป็นตัวกลางเผยแพร่ข่าวสารยาเสพติด พฤติกรรมคนติดสารเสพติด และองค์ความรู้ด้านการรักษาผู้ติดยาเสพติดที่ถูกต้องแบบทันเหตุการณ์ โดยเน้นให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโทษ และพิษภัยของยาเสพติด และเจตคติที่ถูกต้องต่อผู้เสพยาเสพติด เพื่อที่จะสามารถสื่อความรู้ต่อประชาชนในวงกว้างให้ได้รับประโยชน์มากที่สุด
น.พ.จิโรจ สินธวานนท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า จากการศึกษาประมาณการพบว่า ผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติดทั่วประเทศในปี 2556 ประมาณ 1,900,000 คน เพิ่มขึ้นกว่า 1 เท่าตัว แต่มีผู้เสพ ผู้ติด เข้ารับการบำบัดรักษาเพียง 1,200,000 คน
นอกจากนี้ ยังพบว่ากลุ่มผู้ติดยาเสพติดมากที่สุด คือ กลุ่มรับจ้าง ร้อยละ 41 รองลงมาเป็นกลุ่มคนว่างงาน ร้อยละ 17 การเกษตรร้อยละ 16 และกลุ่มเยาวชนร้อยละ 9 ที่พบได้ตั้งแต่อายุ 18-29 ปี โดยกลุ่มเยาวชนมีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้นทุกๆ ปี และคาดว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นกว่ากลุ่มคนว่างงานในไม่ช้านี้
ส่วนแผนยุทธศาสตร์ปี 2556 ที่ทำร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานของรัฐมี 5 ประการ ได้แก่ สร้างหมู่บ้าน หรือ ชุมชนเข้มแข็ง พร้อมนำผู้เสพและผู้ติดยาบำบัดทุกระบบให้ได้จำนวน 300,000 คน และติดตามผู้ผ่านการบำบัดให้ได้จำนวน 700,000 คน ป้องกันกลุ่มเสี่ยงด้วยการให้ความรู้ชั้นประถมศึกษาตอนปลาย จำนวน 1,500,000 คน และตั้งเป้าจับกุมผู้กระทำผิด และยึดทรัพย์จากการกระทำผิดในข้อหาคดีสำคัญด้านยาเสพติด และการสกัดกั้นพื้นที่ชายแดนกับพื้นที่ชั้นในแบบ 70 ต่อ 30
น.พ.จิโรจ สินธวานนท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า จากการศึกษาประมาณการพบว่า ผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติดทั่วประเทศในปี 2556 ประมาณ 1,900,000 คน เพิ่มขึ้นกว่า 1 เท่าตัว แต่มีผู้เสพ ผู้ติด เข้ารับการบำบัดรักษาเพียง 1,200,000 คน
นอกจากนี้ ยังพบว่ากลุ่มผู้ติดยาเสพติดมากที่สุด คือ กลุ่มรับจ้าง ร้อยละ 41 รองลงมาเป็นกลุ่มคนว่างงาน ร้อยละ 17 การเกษตรร้อยละ 16 และกลุ่มเยาวชนร้อยละ 9 ที่พบได้ตั้งแต่อายุ 18-29 ปี โดยกลุ่มเยาวชนมีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้นทุกๆ ปี และคาดว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นกว่ากลุ่มคนว่างงานในไม่ช้านี้
ส่วนแผนยุทธศาสตร์ปี 2556 ที่ทำร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานของรัฐมี 5 ประการ ได้แก่ สร้างหมู่บ้าน หรือ ชุมชนเข้มแข็ง พร้อมนำผู้เสพและผู้ติดยาบำบัดทุกระบบให้ได้จำนวน 300,000 คน และติดตามผู้ผ่านการบำบัดให้ได้จำนวน 700,000 คน ป้องกันกลุ่มเสี่ยงด้วยการให้ความรู้ชั้นประถมศึกษาตอนปลาย จำนวน 1,500,000 คน และตั้งเป้าจับกุมผู้กระทำผิด และยึดทรัพย์จากการกระทำผิดในข้อหาคดีสำคัญด้านยาเสพติด และการสกัดกั้นพื้นที่ชายแดนกับพื้นที่ชั้นในแบบ 70 ต่อ 30