สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า เกิดเหตุระทึกขวัญในฟิลิปปินส์เมื่อวันเสาร์ที่ 15 ธันวาคม โดยมีชายชาวมาเลเซีย วัย 26 ปี ทราบชื่อภายหลังคือ นายมาฮุด นอร์ ฟิกรีบิน อับดุล คาฮาร์ แบกเป้บรรจุระเบิดเตรียมจุดชนวนถล่มกลางโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองดาเวา บนเกาะมินดาเนา ทางภาคใต้ของฟิลิปปินส์ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องขอตรวจค้นและต่อรองเจรจากับชายคนดังกล่าวอยู่นานราว 3 ชั่วโมงครึ่ง ก่อนจบลงด้วยการที่มือระเบิดถูกเจ้าหน้าที่หน่วยแม่นปืนยิงกระสุนเข้าที่หน้าอก 2 นัด จนเสียชีวิต ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้าปลดชนวนระเบิดได้อย่างปลอดภัย
รายงานข่าวระบุว่า มือระเบิดรายนี้สังกัดกลุ่มเจมาห์ อิสลามิยาห์ ต้องการระเบิดถล่มโรงแรมในเมืองดาเวา โดยมือระเบิดให้ภรรยาเป็นติดต่อเช่าพักในโรงแรม ขณะที่มือระเบิดพาตัวเองเข้าไปยังล็อบบี้และถูกเจ้าหน้าที่ขอตรวจสัมภาระ ทำให้ระเบิดตะโกนท้าเจ้าหน้าที่ให้ยิงตนเอง โดยขู่จุดชนวนระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือ ส่งผลให้แขกผู้เข้าพักในโรงแรมพากันแตกตื่นหนีออกจากโรงแรม ส่วนหน่วยแม่นปืนได้รับคำสั่งให้ยิงมือระเบิดเข้าที่หน้าอก 2 นัด จนมือระเบิดเสียชีวิต ส่วนภรรยาถูกควบคุมตัวไปสอบสวน
จากการตรวจสอบพบว่าระเบิดในเป้คนร้ายเป็นระเบิดทำจากปลอกกระสุนปืนใหญ่
ทั้งนี้ นายคาฮาร์ เดินทางเข้าฟิลิปปินส์จากรัฐซาบาห์ ตั้งแต่วันที่ 27 เมษายน อาศัยอยู่ในเมืองซัมบวงกา ทางภาคใต้ของฟิลิปปินส์ ส่วนภรรยาเป็นชาวฟิลิปปินส์และเพิ่งเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลาม
รายงานข่าวระบุว่า มือระเบิดรายนี้สังกัดกลุ่มเจมาห์ อิสลามิยาห์ ต้องการระเบิดถล่มโรงแรมในเมืองดาเวา โดยมือระเบิดให้ภรรยาเป็นติดต่อเช่าพักในโรงแรม ขณะที่มือระเบิดพาตัวเองเข้าไปยังล็อบบี้และถูกเจ้าหน้าที่ขอตรวจสัมภาระ ทำให้ระเบิดตะโกนท้าเจ้าหน้าที่ให้ยิงตนเอง โดยขู่จุดชนวนระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือ ส่งผลให้แขกผู้เข้าพักในโรงแรมพากันแตกตื่นหนีออกจากโรงแรม ส่วนหน่วยแม่นปืนได้รับคำสั่งให้ยิงมือระเบิดเข้าที่หน้าอก 2 นัด จนมือระเบิดเสียชีวิต ส่วนภรรยาถูกควบคุมตัวไปสอบสวน
จากการตรวจสอบพบว่าระเบิดในเป้คนร้ายเป็นระเบิดทำจากปลอกกระสุนปืนใหญ่
ทั้งนี้ นายคาฮาร์ เดินทางเข้าฟิลิปปินส์จากรัฐซาบาห์ ตั้งแต่วันที่ 27 เมษายน อาศัยอยู่ในเมืองซัมบวงกา ทางภาคใต้ของฟิลิปปินส์ ส่วนภรรยาเป็นชาวฟิลิปปินส์และเพิ่งเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลาม
