อเมริกันชนเข้าคูหาเลือกตั้ง (ตรงกับช่วงกลางคืนวันอังคารที่ 6 พ.ย.ตามเวลาประเทศไทย) เพื่อตัดสินว่า จะเลือก “โอบามา” กลับเข้าทำเนียบขาวอีกสมัย หรือไว้วางใจใน “รอมนีย์” ผู้ท้าชิง เป็นผู้แก้ไขภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่แม้ไม่ทรุดตัวแต่ก็ยังคงซึมเซา ในศึกเลือกตั้งที่ผลโพลต่างก็ชี้ว่าทั้งคู่มีคะแนนไล่ตามกันอย่างเฉียดฉิว ถึงแม้ผู้ครองตำแหน่งดูจะมีโอกาสชนะมากกว่าเล็กน้อย
หน่วยเลือกตั้งในสหรัฐฯทยอยเปิดให้ประชาชนใช้สิทธิในวันอังคาร เริ่มตั้งแต่ภาคตะวันออกและหลายๆ ส่วนของเขตมิดเวสต์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เวลาเร็วกว่าบริเวณอื่นๆ ของสหรัฐฯ ไปจนกระทั่งถึงเขตชายฝั่งแปซิฟิกทางด้านตะวันตก แล้วจึงเป็นดินแดนที่อยู่นอกแผ่นดินใหญ่สหรัฐฯอย่าง อะแลสกา และฮาวาย
สำหรับการนับคะแนน ตลอดจนการติดตามทำนายผลของเครือข่ายโทรทัศน์ทรงอิทธิพลต่างๆ จะกระทำทันทีภายหลังการปิดหีบลงคะแนนในแต่ละมลรัฐ โดยที่ถ้าคะแนนไม่คู่คี่กันอย่างเหลือเกินแล้ว ก็อาจจะทราบผลผู้ชนะได้ภายในช่วงเย็นวันพุธตามเวลาประเทศไทย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคราวนี้ผู้สมัครทั้งสองมีเสียงเบียดกันสูสีมาก จึงวิตกกันว่าอาจถึงขั้นมีการฟ้องร้องและการนับคะแนนใหม่ในบางสมรภูมิ ซึ่งจะทำให้การประกาศผลต้องเลื่อนช้าออกไป
การตัดสินของประชาชนชาวอเมริกันซึ่งคาดกันว่าจะออกมาใช้สิทธิประมาณ 120 ล้านคน จะเป็นการกำหนดเส้นทางเดินของสหรัฐฯในอีก 4 ปีข้างหน้า ทั้งในด้านงบประมาณรายจ่าย, การจัดเก็บภาษี, การประกันสุขภาพ, ตลอดจนการจัดการกับปัญหาท้าทายด้านนโยบายการต่างประเทศ อย่างเช่น การผงาดขึ้นมาของจีน และโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน
ผลสำรวจความคิดเห็นในระดับทั่วประเทศของสำนักต่างๆ ชี้ว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา วัย 51 ปีของพรรคเดโมแครต และ มิตต์ รอมนีย์ อดีตผู้ว่าการรัฐแมสซาชูเซตส์วัย 65 ปีที่เป็นผู้ท้าชิงจากพรรครีพับลิกัน มีคะแนนที่คู่คี่กันอย่างยิ่ง ถึงแม้โอบามามีภาษีดีกว่าเล็กน้อยในหลายๆ มลรัฐที่ถือเป็นมลรัฐช่วงชิง (swing state) โดยเฉพาะที่โอไฮโอ ซึ่งอาจจะทำให้เขาได้เสียงคณะผู้เลือกตั้งครบ 270 เสียง ที่เพียงพอแก่การได้ชัยชนะ
หากผลออกมาเช่นนี้ โอบามาซึ่งเป็นประธานาธิบดีผิวดำคนแรกของสหรัฐฯ ก็จะกลายเป็นประธานาธิบดีจากเดโมแครตคนที่ 2 ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่สามารถยึดทำเนียบขาวเอาไว้ได้ 2 สมัย
ทางด้านรอมนีย์ถ้าได้ชัยชนะ เขาก็จะสร้างประวัติศาสตร์ในฐานะเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่นับถือนิกายมอร์มอน ซึ่งถือเป็นนิกายหนึ่งของศาสนาคริสต์ ถึงแม้ผู้ศรัทธาในนิกายอื่นๆ ไม่น้อยเลยมองว่านิกายนี้เป็นอีกศาสนาหนึ่ง
หน่วยเลือกตั้งในสหรัฐฯทยอยเปิดให้ประชาชนใช้สิทธิในวันอังคาร เริ่มตั้งแต่ภาคตะวันออกและหลายๆ ส่วนของเขตมิดเวสต์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เวลาเร็วกว่าบริเวณอื่นๆ ของสหรัฐฯ ไปจนกระทั่งถึงเขตชายฝั่งแปซิฟิกทางด้านตะวันตก แล้วจึงเป็นดินแดนที่อยู่นอกแผ่นดินใหญ่สหรัฐฯอย่าง อะแลสกา และฮาวาย
สำหรับการนับคะแนน ตลอดจนการติดตามทำนายผลของเครือข่ายโทรทัศน์ทรงอิทธิพลต่างๆ จะกระทำทันทีภายหลังการปิดหีบลงคะแนนในแต่ละมลรัฐ โดยที่ถ้าคะแนนไม่คู่คี่กันอย่างเหลือเกินแล้ว ก็อาจจะทราบผลผู้ชนะได้ภายในช่วงเย็นวันพุธตามเวลาประเทศไทย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคราวนี้ผู้สมัครทั้งสองมีเสียงเบียดกันสูสีมาก จึงวิตกกันว่าอาจถึงขั้นมีการฟ้องร้องและการนับคะแนนใหม่ในบางสมรภูมิ ซึ่งจะทำให้การประกาศผลต้องเลื่อนช้าออกไป
การตัดสินของประชาชนชาวอเมริกันซึ่งคาดกันว่าจะออกมาใช้สิทธิประมาณ 120 ล้านคน จะเป็นการกำหนดเส้นทางเดินของสหรัฐฯในอีก 4 ปีข้างหน้า ทั้งในด้านงบประมาณรายจ่าย, การจัดเก็บภาษี, การประกันสุขภาพ, ตลอดจนการจัดการกับปัญหาท้าทายด้านนโยบายการต่างประเทศ อย่างเช่น การผงาดขึ้นมาของจีน และโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน
ผลสำรวจความคิดเห็นในระดับทั่วประเทศของสำนักต่างๆ ชี้ว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา วัย 51 ปีของพรรคเดโมแครต และ มิตต์ รอมนีย์ อดีตผู้ว่าการรัฐแมสซาชูเซตส์วัย 65 ปีที่เป็นผู้ท้าชิงจากพรรครีพับลิกัน มีคะแนนที่คู่คี่กันอย่างยิ่ง ถึงแม้โอบามามีภาษีดีกว่าเล็กน้อยในหลายๆ มลรัฐที่ถือเป็นมลรัฐช่วงชิง (swing state) โดยเฉพาะที่โอไฮโอ ซึ่งอาจจะทำให้เขาได้เสียงคณะผู้เลือกตั้งครบ 270 เสียง ที่เพียงพอแก่การได้ชัยชนะ
หากผลออกมาเช่นนี้ โอบามาซึ่งเป็นประธานาธิบดีผิวดำคนแรกของสหรัฐฯ ก็จะกลายเป็นประธานาธิบดีจากเดโมแครตคนที่ 2 ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่สามารถยึดทำเนียบขาวเอาไว้ได้ 2 สมัย
ทางด้านรอมนีย์ถ้าได้ชัยชนะ เขาก็จะสร้างประวัติศาสตร์ในฐานะเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่นับถือนิกายมอร์มอน ซึ่งถือเป็นนิกายหนึ่งของศาสนาคริสต์ ถึงแม้ผู้ศรัทธาในนิกายอื่นๆ ไม่น้อยเลยมองว่านิกายนี้เป็นอีกศาสนาหนึ่ง
