กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เตรียมนำเครื่องตรวจหาสารเสพติดทางช่องปาก และผิวหนังมาใช้ เพื่อลดขั้นตอน และระยะเวลาในการคัดกรองกลุ่มผู้เสพ หลังจากปัญหาการตรวจปัสสาวะนักเที่ยวตามสถานบันเทิง เพื่อสุ่มตรวจสารเสพติดเริ่มพบปัญหา เนื่องจากต้องใช้ระยะเวลาในการคัดกรองกลุ่มผู้ต้องสงสัย
การทำงานของเครื่องมือนี้ จะใช้แผ่นทดสอบนำมาแปะที่ผิวหนัง หรือน้ำลายภายในช่องปากของผู้ต้องสงสัย จากนั้นจะนำเข้าเครื่องประมวลผล ที่จะทำงานผ่านกระบวนการความร้อนจนระเหยเป็นไอ และกลายเป็นโมเลกุล ซึ่งเครื่องนี้จะมีบันทึกข้อมูลของสารเสพติดที่ตั้งไว้ 7 ชนิดคือ กัญชา ยาเค ยาอี ยาบ้า ยาไอซ์ โคเคน และยากลุ่มฝิ่น เฮโรอีน มอร์ฟีน ซึ่งการตรวจแต่ละครั้งจะใช้เวลาประมาณ 3 - 5 นาทีในการประมวล และทราบผลทันที
สำหรับเครื่องตรวจหาสารเสพติดนี้ มีโอกาสผิดพลาดเพียงแค่ร้อยละ 1 แต่ยังพบปัญหาว่า หากต้องใช้ในการทดสอบด้วยการตรวจน้ำลาย จะต้องทำภายใน 12 ชั่วโมง หลังผู้ต้องสงสัยเสพสารเสพติดไปแล้ว ส่วนทางผิวหนังจะต้องตรวจหลังจากเสพเข้าไปแล้ว 2 ชั่วโมง แต่ต้องไม่เกิน 6 ชั่วโมง มิฉะนั้นจะไม่สามารถตรวจพบได้ เนื่องจากมีการระบายเป็นเหงื่อออกไปแล้ว
การทำงานของเครื่องมือนี้ จะใช้แผ่นทดสอบนำมาแปะที่ผิวหนัง หรือน้ำลายภายในช่องปากของผู้ต้องสงสัย จากนั้นจะนำเข้าเครื่องประมวลผล ที่จะทำงานผ่านกระบวนการความร้อนจนระเหยเป็นไอ และกลายเป็นโมเลกุล ซึ่งเครื่องนี้จะมีบันทึกข้อมูลของสารเสพติดที่ตั้งไว้ 7 ชนิดคือ กัญชา ยาเค ยาอี ยาบ้า ยาไอซ์ โคเคน และยากลุ่มฝิ่น เฮโรอีน มอร์ฟีน ซึ่งการตรวจแต่ละครั้งจะใช้เวลาประมาณ 3 - 5 นาทีในการประมวล และทราบผลทันที
สำหรับเครื่องตรวจหาสารเสพติดนี้ มีโอกาสผิดพลาดเพียงแค่ร้อยละ 1 แต่ยังพบปัญหาว่า หากต้องใช้ในการทดสอบด้วยการตรวจน้ำลาย จะต้องทำภายใน 12 ชั่วโมง หลังผู้ต้องสงสัยเสพสารเสพติดไปแล้ว ส่วนทางผิวหนังจะต้องตรวจหลังจากเสพเข้าไปแล้ว 2 ชั่วโมง แต่ต้องไม่เกิน 6 ชั่วโมง มิฉะนั้นจะไม่สามารถตรวจพบได้ เนื่องจากมีการระบายเป็นเหงื่อออกไปแล้ว
