ภายหลังผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เอไอเอส ดีแทค และทรูมูฟ ได้เดินทางมารับใบรับรอง การประมูลใบอนุญาตโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3จี ย่านความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ วันนี้ที่ กสทช. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ให้บริการทั้ง 3 ค่าย ยังไม่ยืนยันว่า อัตราค่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ในอนาคตจะถูกกว่าปัจจุบันหรือไม่ แม้หลายฝ่ายจะเชื่อว่า บริการดังกล่าวจะถูกลง โดยพิจารณาจากเม็ดเงินที่ใช้ในการประมูลต่ำกว่าที่ กสทช.ประเมิน
ขณะที่ก่อนหน้านี้ กสทช. เคยออกระเบียบบังคับให้ผู้ให้บริการทั้ง 3 ค่าย เก็บค่าบริการเสียงในอัตรานาทีละ 99 สตางค์ แต่ได้รับการทักท้วงจากผู้ให้บริการว่า อัตราดังกล่าวไม่สมเหตุสมผล จึงได้มีการอุทธรณ์เรื่องนี้
นายวิเชียร เมฆตระการ หัวหน้าคณะผู้บริหารเอไอเอส และ นายดามพ์ สุคนธทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มกิจการองค์กรดีแทค ปฏิเสธที่จะกล่าวรายละเอียดการประมูลครั้งนี้ แต่ได้บอกว่าระหว่างการเคาะราคามีความกดดันพอสมควร และจากนี้ไปคือการเตรียมที่จะลงทุนระบบ 3จี โดยเอไอเอสจะใช้เงินลงทุนจำนวน 50,000 ล้านบาท ดีแทคใช้เงิน 40,000 ล้านบาท และทรู 20,000 ล้านบาท
ขณะที่ กสทช. ยืนยันว่า ขณะนี้การประมูลได้จบสิ้นแล้ว ไม่สามารถล้มประมูลได้อีก พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายมองไปข้างหน้าในเรื่องนี้
ขณะที่ก่อนหน้านี้ กสทช. เคยออกระเบียบบังคับให้ผู้ให้บริการทั้ง 3 ค่าย เก็บค่าบริการเสียงในอัตรานาทีละ 99 สตางค์ แต่ได้รับการทักท้วงจากผู้ให้บริการว่า อัตราดังกล่าวไม่สมเหตุสมผล จึงได้มีการอุทธรณ์เรื่องนี้
นายวิเชียร เมฆตระการ หัวหน้าคณะผู้บริหารเอไอเอส และ นายดามพ์ สุคนธทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มกิจการองค์กรดีแทค ปฏิเสธที่จะกล่าวรายละเอียดการประมูลครั้งนี้ แต่ได้บอกว่าระหว่างการเคาะราคามีความกดดันพอสมควร และจากนี้ไปคือการเตรียมที่จะลงทุนระบบ 3จี โดยเอไอเอสจะใช้เงินลงทุนจำนวน 50,000 ล้านบาท ดีแทคใช้เงิน 40,000 ล้านบาท และทรู 20,000 ล้านบาท
ขณะที่ กสทช. ยืนยันว่า ขณะนี้การประมูลได้จบสิ้นแล้ว ไม่สามารถล้มประมูลได้อีก พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายมองไปข้างหน้าในเรื่องนี้
