“โอบามา”คืนฟอร์ม ทั้งรุกฆาตและโต้กลับ “รอมนีย์” อย่างคมคายและคล่องแคล่วในประเด็นต่างๆ ตั้งแต่การจ้างงาน ลิเบีย ไปจนถึงภูมิหลังทางธุรกิจของรอมนีย์ ในระหว่างการดีเบตรอบสองที่ผลสำรวจจากทุกสำนักชูประธานาธิบดีผู้ครองตำแหน่งอยู่ในเวลานี้เป็นฝ่ายชนะใส
หลังถูกโจมตี ไม่เว้นแม้แต่จากสมาชิกพรรคเดโมแครตด้วยกัน ว่ามัวแต่ตั้งรับระหว่างการโต้วาทีระหว่างผู้สมัครชิงทำเนียบขาวนัดแรก ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองเดนเวอร์เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ล่าสุดในการดีเบตรอบสองที่มหาวิทยาลัยฮอฟสตราในนิวยอร์กคืนวันอังคาร (16) ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เปลี่ยนเป็นคนละคนโดยทั้งคมและคล่องขึ้น เนื่องจากรู้ว่าผลงานครั้งก่อนฉุดคะแนนนิยมดิ่งลงชัดเจน และหากปล่อยให้เป็นเช่นนั้นต่อไป เขาก็อาจได้เป็นประธานาธิบดีเพียงสมัยเดียว
หนึ่งในการตอบโต้ที่ชวนติดตามคือตอนที่โอบามาจ้องมิตต์ รอมนีย์ ผู้สมัครจากรีพับลิกันตรงๆ และประณามอดีตผู้ว่าการรัฐแมสซาชูเสตส์ผู้นี้ที่วิจารณ์การรับมือกับเหตุการณ์โจมตีสถานกงสุลอเมริกันในเมืองเบงกาซี ประเทศลิเบีย ของทำเนียบขาว
เมื่อการโต้วาทีนัดนี้จบลง ฝ่ายเดโมโครตฉวยโอกาสที่รอมนีย์เพลี่ยงพล้ำ โหมคำถามเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือในการเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเขา ขณะที่ฝ่ายรีพับลิกันหันไปโจมตีคราวลีย์ที่พูดแทรกขึ้นมาว่าไม่วางตัวเป็นกลาง
ระหว่างที่อยู่บนเวที ผู้สมัครทั้งสองคนยืนห่างกันเพียงไม่กี่ฟุต โดยที่ต่างกล่าวหากันไปมาเรื่องนโยบายต่างๆ โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของรอมนีย์มาถึงเมื่อเขาร่ายยาวโจมตีภาวะเศรษฐกิจ และกล่าวหาประธานาธิบดีว่า ไม่สามารถจัดการอัตราว่างงานที่ปักหลักสูงมานาน รวมทั้งการลดยอดขาดดุลที่บานสะพรั่ง
บรรดานักวิเคราะห์ต่างลงความเห็นว่า ดีเบตยกนี้โอบามาเป็นฝ่ายชนะ แต่สำทับว่าการแข่งขันยังไม่จบง่ายๆ สอดรับกับโพลสำรวจความเห็นในทันทีที่จบการโต้วาทีนัดนี้ ปรากฏว่าของซีเอ็นเอ็นระบุว่า ผู้แสดงความคิดเห็น 46% คิดว่าโอบามาชนะ ส่วนรอมนีย์ได้ 39% ส่วนโพลของซีบีเอสให้โอบามานำรอมนีย์ด้วยคะแนน 37-30%
หลังถูกโจมตี ไม่เว้นแม้แต่จากสมาชิกพรรคเดโมแครตด้วยกัน ว่ามัวแต่ตั้งรับระหว่างการโต้วาทีระหว่างผู้สมัครชิงทำเนียบขาวนัดแรก ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองเดนเวอร์เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ล่าสุดในการดีเบตรอบสองที่มหาวิทยาลัยฮอฟสตราในนิวยอร์กคืนวันอังคาร (16) ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เปลี่ยนเป็นคนละคนโดยทั้งคมและคล่องขึ้น เนื่องจากรู้ว่าผลงานครั้งก่อนฉุดคะแนนนิยมดิ่งลงชัดเจน และหากปล่อยให้เป็นเช่นนั้นต่อไป เขาก็อาจได้เป็นประธานาธิบดีเพียงสมัยเดียว
หนึ่งในการตอบโต้ที่ชวนติดตามคือตอนที่โอบามาจ้องมิตต์ รอมนีย์ ผู้สมัครจากรีพับลิกันตรงๆ และประณามอดีตผู้ว่าการรัฐแมสซาชูเสตส์ผู้นี้ที่วิจารณ์การรับมือกับเหตุการณ์โจมตีสถานกงสุลอเมริกันในเมืองเบงกาซี ประเทศลิเบีย ของทำเนียบขาว
เมื่อการโต้วาทีนัดนี้จบลง ฝ่ายเดโมโครตฉวยโอกาสที่รอมนีย์เพลี่ยงพล้ำ โหมคำถามเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือในการเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเขา ขณะที่ฝ่ายรีพับลิกันหันไปโจมตีคราวลีย์ที่พูดแทรกขึ้นมาว่าไม่วางตัวเป็นกลาง
ระหว่างที่อยู่บนเวที ผู้สมัครทั้งสองคนยืนห่างกันเพียงไม่กี่ฟุต โดยที่ต่างกล่าวหากันไปมาเรื่องนโยบายต่างๆ โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของรอมนีย์มาถึงเมื่อเขาร่ายยาวโจมตีภาวะเศรษฐกิจ และกล่าวหาประธานาธิบดีว่า ไม่สามารถจัดการอัตราว่างงานที่ปักหลักสูงมานาน รวมทั้งการลดยอดขาดดุลที่บานสะพรั่ง
บรรดานักวิเคราะห์ต่างลงความเห็นว่า ดีเบตยกนี้โอบามาเป็นฝ่ายชนะ แต่สำทับว่าการแข่งขันยังไม่จบง่ายๆ สอดรับกับโพลสำรวจความเห็นในทันทีที่จบการโต้วาทีนัดนี้ ปรากฏว่าของซีเอ็นเอ็นระบุว่า ผู้แสดงความคิดเห็น 46% คิดว่าโอบามาชนะ ส่วนรอมนีย์ได้ 39% ส่วนโพลของซีบีเอสให้โอบามานำรอมนีย์ด้วยคะแนน 37-30%