นางวาสนา มุทุตานนท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ กล่าวถึงโอกาสของนักธุรกิจไทยในการไปลงทุนในต่างประเทศว่า ตั้งแต่ปี 2550-2555 พบว่า ประเทศพม่าเป็นประเทศที่ผู้ประกอบการเข้าไปลงทุนมากที่สุด มูลค่าการลงทุนรวม 5,970 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 2 คือ สิงคโปร์ 3,708 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และอันดับ 3 คือ ฮ่องกงมูลค่าการลงทุน 2,639 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ที่ออกไปลงทุนคือ อุตสาหกรรมเหมืองแร่ การขุดเจาะปิโตรเลียม ประมง อาหารทะเล และค้าส่งค้าปลีก สำหรับธุรกิจที่นักลงทุนไทยมีความแข็งแกร่งคือ ธุรกิจการเกษตร อาหารแปรรูป ท่องเที่ยวและบริการ
ทั้งนี้ในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า บีโอไอจะเน้นส่งเสริมให้นักลงทุนไทยออกไปลงทุนใน 3 ประเทศ คือ พม่า เวียดนาม และอินโดนีเซีย เพราะเป็นกลุ่มประเทศที่มีความเหมาะในการเข้าไปทำการตลาด และนอกจากการลงทุนโดยตรงแล้ว ก็มีการลงทุนในลักษณะการเข้าซื้อกิจการในต่างประเทศ อย่างเช่น การเข้าซื้อกิจการอาหารในต่างประเทศ หรือ ซื้อโรงไฟฟ้าที่ประเทศออสเตรเลีย
ทั้งนี้ในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า บีโอไอจะเน้นส่งเสริมให้นักลงทุนไทยออกไปลงทุนใน 3 ประเทศ คือ พม่า เวียดนาม และอินโดนีเซีย เพราะเป็นกลุ่มประเทศที่มีความเหมาะในการเข้าไปทำการตลาด และนอกจากการลงทุนโดยตรงแล้ว ก็มีการลงทุนในลักษณะการเข้าซื้อกิจการในต่างประเทศ อย่างเช่น การเข้าซื้อกิจการอาหารในต่างประเทศ หรือ ซื้อโรงไฟฟ้าที่ประเทศออสเตรเลีย