นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ขณะนี้ไทยอยู่ระหว่างการวางโครงสร้างปฏิรูปเศรษฐกิจเพื่ออนาคต โดยการเตรียมการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในระยะ 7 ปี ในวงเงิน 2 ล้านล้านบาท อาทิ โครงการรถไฟความเร็วสูง เพื่อลดต้นทุนด้านลอจิสติกส์ การลงทุนด้านโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท โดยให้หนี้สาธารณะอยู่ในกรอบความยั่งยืนทางการคลังไม่เกินร้อยละ 60 แม้ปีนี้รัฐบาลจะขาดดุลงบประมาณ 4 แสนล้านบาท และปีงบประมาณ 2556 จะขาดดุล 3 แสนล้านบาทก็ตาม
นอกจากนี้ รัฐบาลได้เตรียมสร้างบรรยากาศการลงทุน โดยการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล จากร้อยละ 30 เหลือ 23 ในปีนี้ และเหลือร้อยละ 20 ในปีหน้า เพื่อดึงดูดและสร้างความมั่นใจจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ และมีการปรับระบบศุลกากรรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี ในปี 2558
นายกิตติรัตน์ กล่าวด้วยว่า เศรษฐกิจไทยได้ปรับเข้าสู่ภาวะสมดุลมากขึ้น จากเดิมที่มีการพึ่งพาการส่งออกเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจเป็นหลัก ขณะนี้ได้หันมาพึ่งพาการบริโภคในประเทศมากขึ้น โดยที่รัฐบาลได้วางนโยบายเพื่อเพิ่มรายได้ เพิ่มกำลังซื้อในประเทศ ทั้งนโยบายการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ โครงการรถยนต์คันแรก และการพักหนี้รายย่อย
นอกจากนี้ รัฐบาลได้เตรียมสร้างบรรยากาศการลงทุน โดยการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล จากร้อยละ 30 เหลือ 23 ในปีนี้ และเหลือร้อยละ 20 ในปีหน้า เพื่อดึงดูดและสร้างความมั่นใจจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ และมีการปรับระบบศุลกากรรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี ในปี 2558
นายกิตติรัตน์ กล่าวด้วยว่า เศรษฐกิจไทยได้ปรับเข้าสู่ภาวะสมดุลมากขึ้น จากเดิมที่มีการพึ่งพาการส่งออกเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจเป็นหลัก ขณะนี้ได้หันมาพึ่งพาการบริโภคในประเทศมากขึ้น โดยที่รัฐบาลได้วางนโยบายเพื่อเพิ่มรายได้ เพิ่มกำลังซื้อในประเทศ ทั้งนโยบายการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ โครงการรถยนต์คันแรก และการพักหนี้รายย่อย