กรมอุทยานฯ เตรียมถกแนวทางแก้ปัญหาป่าพรุ-บุกรุกที่ดิน

นายสนิท อักษรแก้ว กรรมการมูลนิธิสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย กล่าวว่า ปัญหาไฟไหม้ป่าพรุควนเคร็งใน จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งมีพื้นที่ได้รับความเสียหายไปมากกว่า 1.2 หมื่นไร่ และเกิดไฟไหม้อยู่ทุกๆ ปี ส่งผลให้ป่าพรุนั้นมีความเปราะบาง และเสียหายมาก ต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูยิ่งกว่าป่าชายเลน ที่สำคัญที่สุดคือ นกนานาชนิด สัตว์น้ำ พร้อมเสนอให้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชเก็บดินและน้ำไปตรวจวิเคราะห์ว่า มีการเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน เนื่องจากความเสียหายในครั้งนี้รุนแรงมากที่สุด โดยเฉพาะกับป่าเสม็ดขาว ขณะนี้ในพื้นที่ป่าพรุควนเคร็งมีการทำฝนหลวงเพิ่มเติม คาดว่าอย่างช้าที่สุด ไฟนั้นน่าจะดับสนิททุกจุดในเช้าวันพรุ่งนี้
ด้านนายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า วันพรุ่งนี้ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือแนวทางแก้ไขปัญหาป่าพรุ โดยเฉพาะการบุกรุกที่ดินในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย และเขตห้ามล่าบ่อล้อ เพื่อเตรียมแผนฟื้นฟูทั้งระยะสั้นและระยะยาว และห้ามประชาชนเข้าทำประโยชน์ในป่าที่ถูกไฟไหม้ และสำหรับความคืบหน้าในการตรวจสอบการอ้างเอกสารสิทธิ์ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย ตรวจพบมากกว่า 500 แปลง และขณะนี้เจ้าหน้าที่กว่า 200 นาย ได้ลงพื้นที่ในการดับไฟที่อาจคุกรุ่นขึ้นมาอีกครั้ง และยังคงเฝ้าระวังต่อไปอีก 10 วัน เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีไฟไหม้ลุกลามขึ้นมาอีก
ทั้งนี้ นายดำรงค์ กล่าวต่อไปว่า ปีหน้าจะเข้าไปปลูกป่าประดู่ และมะค่าทดแทนในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน พร้อมกับจะดำเนินการในการฟ้องทางแพ่งรีสอร์ตที่ต้องเข้าทำการรื้อถอน เพื่อเรียกร้องค่าดำเนินการรื้อถอน และค่าเสียหายในการบุกรุกป่าสงวน