นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเตือนรัฐบาลระมัดระวังในการดำเนินนโยบายประชานิยม ซึ่งบั่นทอนขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคเอกชน และกระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยเฉพาะนโยบายรับจำนำข้าว ซึ่งใช้งบประมาณกว่า 2.6 แสนล้านบาท แต่เกษตรกรได้รับประโยชน์เพียงร้อยละ 37 หรือ 2 ล้านครัวเรือน ขณะที่โครงการประกันรายได้ ครอบคลุมเกษตรกรมากกว่า 4 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังพบการทุจริตทุกขั้นตอนในโครงการรับจำนำ
ด้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวย้ำว่า โครงการยรับจำนำข้าวช่วยยกระดับรายได้เกษตรกรได้ดีกว่าโครงการประกันรายได้ ซึ่งรัฐบาลพร้อมชี้แจงการดำเนินโครงการโดยละเอียดต่อรัฐสภา และพร้อมขึ้นเวทีอภิปรายกับผู้เชี่ยวชาญข้าว
นายกรณ์ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับใช้เงินนอกงบประมาณประจำปี เพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ที่สามารถใช้วิธีการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษ อาจเปิดโอกาสให้เกิดปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น พร้อมระบุปัจจุบันเอกชนถูกเรียกรับเงินใต้โต๊ะไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 ของงบประมาณของโครงการ
แต่นายกิตติรัตน์ ระบุว่า การปรับให้เป็นการจัดจ้างวิธีพิเศษ เพื่อที่จะเร่งรัดและคัดกรองโครงการที่มีความพร้อม จึงจะผ่านการพิจารณา พร้อมระบุว่า การเร่งผลักดันร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เพื่อลงทุนปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ได้มีเจตนาซุกหนี้สาธารณะ แต่จะกระตุ้นการบริโภคในประเทศควบคู่ไปกับการลงทุน โดยย้ำว่าจะไม่เพิ่มหนี้สาธารณะสูงเกินกรอบวินัยการคลัง
ด้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวย้ำว่า โครงการยรับจำนำข้าวช่วยยกระดับรายได้เกษตรกรได้ดีกว่าโครงการประกันรายได้ ซึ่งรัฐบาลพร้อมชี้แจงการดำเนินโครงการโดยละเอียดต่อรัฐสภา และพร้อมขึ้นเวทีอภิปรายกับผู้เชี่ยวชาญข้าว
นายกรณ์ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับใช้เงินนอกงบประมาณประจำปี เพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ที่สามารถใช้วิธีการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษ อาจเปิดโอกาสให้เกิดปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น พร้อมระบุปัจจุบันเอกชนถูกเรียกรับเงินใต้โต๊ะไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 ของงบประมาณของโครงการ
แต่นายกิตติรัตน์ ระบุว่า การปรับให้เป็นการจัดจ้างวิธีพิเศษ เพื่อที่จะเร่งรัดและคัดกรองโครงการที่มีความพร้อม จึงจะผ่านการพิจารณา พร้อมระบุว่า การเร่งผลักดันร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เพื่อลงทุนปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ได้มีเจตนาซุกหนี้สาธารณะ แต่จะกระตุ้นการบริโภคในประเทศควบคู่ไปกับการลงทุน โดยย้ำว่าจะไม่เพิ่มหนี้สาธารณะสูงเกินกรอบวินัยการคลัง
