นางสุทธาภา อมรวิวัฒน์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ และผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้มีศักยภาพที่จะขยายตัวได้ร้อยละ 5.6-5.8 ตามที่ประเมินไว้ โดยการใช้จ่ายภายในประเทศจะเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลัง จากราคาพลังงานที่ปรับลดลง ตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่มีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำกว่าช่วงครึ่งปีแรกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากการเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตควบคู่กับการลงทุนในเครื่องจักรเพื่อทดแทนส่วนที่เสียหายจากน้ำท่วม การผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวได้ร้อยละ 11 หลังจากที่หดตัวไปถึงร้อยละ 9.3 ในปีที่แล้ว
ส่วนความเสี่ยงหลักต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย และภาคผลิตอุตสาหกรรมในครึ่งปีหลังคือการชะลอตัวของการส่งออกสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจยุโรป โดยคาดว่ากรณีเลวร้าย การส่งออกไทยในปีนี้จะขยายตัวเพียงร้อยละ 8 จากปกติคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 11 หากเศรษฐกิจยุโรปหดตัวรุนแรง โดยคาดว่ายุโรปจะต้องใช้เวลาแก้ปัญหาไม่ต่ำกว่า 4-5 ปี
นอกจากนี้ ในระยะกลางและยาว ผู้ส่งออกไทยจะได้รับผลกระทบจากการถูกตัดสิทธิจีเอสพี ทำให้ไทยสูญเสียความสามารถการแข่งขันด้านราคา และมีโอกาสถูกแย่งตลาดจากประเทศคู่แข่ง ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2556 คาดว่าจีดีพีจะขยายตัวร้อยละ 4.7-5.2 มาจากแรงสนับสนุน 3 ปัจจัยคือ การใช้จ่ายภาครัฐที่ชัดเจนขึ้นจากการใช้จ่ายงบลงทุนภายใต้ พ.ร.ก.บริหารจัดการน้ำ ปัจจัยที่ 2 คือประสิทธิภาพการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่น่าจะสูงขึ้นจากการทดแทนเครื่องจักรเก่าที่ชำรุดจากน้ำท่วม และ ปัจจัยสุดท้ายคือ ตลาดอินโดจีนคือ กัมพูชา ลาว พม่า และ เวียดนาม หรือตลาดซีแอลเอ็มวีที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และเป็นช่องทางให้ธุรกิจไทยเติบโต
ส่วนความเสี่ยงหลักต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย และภาคผลิตอุตสาหกรรมในครึ่งปีหลังคือการชะลอตัวของการส่งออกสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจยุโรป โดยคาดว่ากรณีเลวร้าย การส่งออกไทยในปีนี้จะขยายตัวเพียงร้อยละ 8 จากปกติคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 11 หากเศรษฐกิจยุโรปหดตัวรุนแรง โดยคาดว่ายุโรปจะต้องใช้เวลาแก้ปัญหาไม่ต่ำกว่า 4-5 ปี
นอกจากนี้ ในระยะกลางและยาว ผู้ส่งออกไทยจะได้รับผลกระทบจากการถูกตัดสิทธิจีเอสพี ทำให้ไทยสูญเสียความสามารถการแข่งขันด้านราคา และมีโอกาสถูกแย่งตลาดจากประเทศคู่แข่ง ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2556 คาดว่าจีดีพีจะขยายตัวร้อยละ 4.7-5.2 มาจากแรงสนับสนุน 3 ปัจจัยคือ การใช้จ่ายภาครัฐที่ชัดเจนขึ้นจากการใช้จ่ายงบลงทุนภายใต้ พ.ร.ก.บริหารจัดการน้ำ ปัจจัยที่ 2 คือประสิทธิภาพการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่น่าจะสูงขึ้นจากการทดแทนเครื่องจักรเก่าที่ชำรุดจากน้ำท่วม และ ปัจจัยสุดท้ายคือ ตลาดอินโดจีนคือ กัมพูชา ลาว พม่า และ เวียดนาม หรือตลาดซีแอลเอ็มวีที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และเป็นช่องทางให้ธุรกิจไทยเติบโต
