ผู้ออกเสียงในกรีซ แสดงพลังต่อต้านแผนรัดเข็มขัด ส่งผลสองพรรคใหญ่ที่หนุนมาตรการยาขมของไอเอ็มเอฟ-อียู ได้คะแนนเลือกตั้งแค่หยิบมือ ฉุดตลาดปั่นป่วนเนื่องจากกังวลว่า วิกฤตหนี้ยูโรโซนจะเดือดพล่านอีกครั้ง
ประธานาธิบดีคาร์โรลอส ปาปูลิอัส เรียก แอนโทนิสต์ ซามารัส ผู้นำพรรคนิว เดโมเครซี ซึ่งเป็นพรรคที่ได้คะแนนมากที่สุดจากการเลือกตั้งสมาชิกสภาในวันอาทิตย์(6) เข้าพบปะหารือเมื่อวันจันทร์ (7) เพื่อมอบหมายให้ซามารัสจัดตั้งรัฐบาล แต่เรื่องนี้ถือเป็นภารกิจที่ยากเย็นยิ่ง เมื่อพิจารณาจากคะแนนเสียงเลือกตั้งที่เทให้บรรดาพรรคที่ต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัด
จากคะแนนการเลือกตั้งที่นับเกือบเสร็จสิ้น นิว เดโมเครซี และ โซเชียลลิสต์ ปาสก สองพรรคใหญ่แกนนำรัฐบาลผสม ที่สนับสนุนโครงการความช่วยเหลือของสหภาพยุโรป (อียู)/กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้คะแนนรวมกันเพียง 32% และได้ที่นั่งในสภา 149 จากทั้งหมด 300 ที่
และด้วยความที่รัฐสภามีความเปราะบางที่สุดในรอบหลายทศวรรษ เนื่องจากมี 7 พรรคการเมืองแบ่งคะแนนกันคนละเล็กละน้อย ดังนั้น การเจรจาเพื่อฟอร์มรัฐบาลจึงน่าจะยุ่งยาก และเพิ่มความเป็นไปได้ว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่อีกครั้งในเดือนหน้า หากไม่มีพรรคใดสามารถตั้งรัฐบาลได้
ทั้งนี้ ภายใต้รัฐธรรมนูญกรีซ ประธานาธิบดีจะให้เวลาพรรคการเมืองที่ได้คะแนนสูงสุด 3 วันในการจัดตั้งรัฐบาล หากไม่สำเร็จ พรรคที่ได้คะแนนอันดับ 2 จะได้สิทธิ์นั้น ซึ่งหากล้มเหลวอีกจะต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ภายใน 3 สัปดาห์
ปานาโยทิส เปทรากิส ศาสตราจารย์เศรษฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเอเธนส์ ระบุว่าแนวโน้มที่เป็นไปได้มากที่สุดคือ รัฐบาลนักวิชาการที่มีลูคัส ปาปาเดมอส กลับมารั้งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หรือไม่ก็ต้องเลือกตั้งใหม่
ความสำเร็จเด่นชัดของบรรดาพรรคที่ต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัด ซึ่งมีตั้งแต่พรรคขวาสุดโต่ง โกลเด้น ดอว์น ไปจนถึงพรรคซ้ายจัด เลฟต์ โคเอลิชัน นั้น อาจทำให้กรีซต้องถอนตัวจากแผนการรัดเข็มขัดของไอเอ็มเอฟ-อียู และนั่นหมายถึงการถูกตัดความช่วยเหลือทางการเงิน และกระทั่งอาจหลุดออกจากการเป็นชาติสมาชิกใช้สกุลเงินตรายูโร (ยูโรโซน)
ประธานาธิบดีคาร์โรลอส ปาปูลิอัส เรียก แอนโทนิสต์ ซามารัส ผู้นำพรรคนิว เดโมเครซี ซึ่งเป็นพรรคที่ได้คะแนนมากที่สุดจากการเลือกตั้งสมาชิกสภาในวันอาทิตย์(6) เข้าพบปะหารือเมื่อวันจันทร์ (7) เพื่อมอบหมายให้ซามารัสจัดตั้งรัฐบาล แต่เรื่องนี้ถือเป็นภารกิจที่ยากเย็นยิ่ง เมื่อพิจารณาจากคะแนนเสียงเลือกตั้งที่เทให้บรรดาพรรคที่ต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัด
จากคะแนนการเลือกตั้งที่นับเกือบเสร็จสิ้น นิว เดโมเครซี และ โซเชียลลิสต์ ปาสก สองพรรคใหญ่แกนนำรัฐบาลผสม ที่สนับสนุนโครงการความช่วยเหลือของสหภาพยุโรป (อียู)/กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้คะแนนรวมกันเพียง 32% และได้ที่นั่งในสภา 149 จากทั้งหมด 300 ที่
และด้วยความที่รัฐสภามีความเปราะบางที่สุดในรอบหลายทศวรรษ เนื่องจากมี 7 พรรคการเมืองแบ่งคะแนนกันคนละเล็กละน้อย ดังนั้น การเจรจาเพื่อฟอร์มรัฐบาลจึงน่าจะยุ่งยาก และเพิ่มความเป็นไปได้ว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่อีกครั้งในเดือนหน้า หากไม่มีพรรคใดสามารถตั้งรัฐบาลได้
ทั้งนี้ ภายใต้รัฐธรรมนูญกรีซ ประธานาธิบดีจะให้เวลาพรรคการเมืองที่ได้คะแนนสูงสุด 3 วันในการจัดตั้งรัฐบาล หากไม่สำเร็จ พรรคที่ได้คะแนนอันดับ 2 จะได้สิทธิ์นั้น ซึ่งหากล้มเหลวอีกจะต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ภายใน 3 สัปดาห์
ปานาโยทิส เปทรากิส ศาสตราจารย์เศรษฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเอเธนส์ ระบุว่าแนวโน้มที่เป็นไปได้มากที่สุดคือ รัฐบาลนักวิชาการที่มีลูคัส ปาปาเดมอส กลับมารั้งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หรือไม่ก็ต้องเลือกตั้งใหม่
ความสำเร็จเด่นชัดของบรรดาพรรคที่ต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัด ซึ่งมีตั้งแต่พรรคขวาสุดโต่ง โกลเด้น ดอว์น ไปจนถึงพรรคซ้ายจัด เลฟต์ โคเอลิชัน นั้น อาจทำให้กรีซต้องถอนตัวจากแผนการรัดเข็มขัดของไอเอ็มเอฟ-อียู และนั่นหมายถึงการถูกตัดความช่วยเหลือทางการเงิน และกระทั่งอาจหลุดออกจากการเป็นชาติสมาชิกใช้สกุลเงินตรายูโร (ยูโรโซน)