พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกแม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า จากเหตุคาร์บอมบ์ 3 จุด ที่ จ.ยะลา นั้น ค่อนข้างจะทราบอยู่แล้วว่าคนร้ายคือใคร แต่อยู่ที่ว่าจะขยายเครือข่ายได้มากน้อยแค่ไหน ทั้งนี้มีภาพข่าวก่อนหน้านี้ จากหลักฐานที่มีการประชุมโต๊ะข่าวมาตลอด โดยเฉพาะรถที่ใช้ในการก่อเหตุยิงจุดตรวจที่ ต.บารอ อ.รามัน ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา จึงทราบได้ว่าผู้ลงมือก่อเหตุคือกลุ่มใด ขณะที่ขั้นต้นยังยืนยันไม่ได้ว่าเหตุ 2 แห่งเชื่อมโยงกัน แต่มีความเป็นไปได้ว่าเชื่อมโยงกัน ขณะเดียวกัน ยังน่าจะมีส่วนเชื่อมโยงกับการปราบปรามยาเสพติด เพราะแม่ทัพภาคที่ 4 ได้ใช้ยาแรง และกฎหมายพิเศษในการปราบยาเสพติด และพบหลักฐานชัดเจนว่ากลุ่มก่อการร้ายและกลุ่มยาเสพติดเชื่อมโยงกัน
ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ดังกล่าวได้มีการตั้งคณะทำงานพิเศษเพื่อดำเนินการติดตามคนร้าย เส้นทางระเบิด และหาแหล่งวัตถุระเบิด โดยร่วมกันทำงานทุกส่วน ทั้งนี้ ทราบว่าเป็นลักษณะการดำเนินการแบบรวมการ แล้วนำไปกระจาย เพราะการประกอบนั้นใช้เทคนิคพอสมควร ซึ่งที่ผ่านมาได้จับกุมคนร้ายมาแล้วหลายราย
อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการทหารบก สั่งกำชับว่า ต้องควบคุมสถานการณ์ให้ได้ และสร้างความมั่นใจให้ประชาชนในการวางมาตรการรักษาความปลอดภัยให้เข้มงวด รวมถึงช่วงสงกรานต์และการตรวจเลือกทหารกองเกิน ซึ่งที่ผ่านมาได้ร่วมกับทางจังหวัด และตำรวจด้วย
ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ดังกล่าวได้มีการตั้งคณะทำงานพิเศษเพื่อดำเนินการติดตามคนร้าย เส้นทางระเบิด และหาแหล่งวัตถุระเบิด โดยร่วมกันทำงานทุกส่วน ทั้งนี้ ทราบว่าเป็นลักษณะการดำเนินการแบบรวมการ แล้วนำไปกระจาย เพราะการประกอบนั้นใช้เทคนิคพอสมควร ซึ่งที่ผ่านมาได้จับกุมคนร้ายมาแล้วหลายราย
อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการทหารบก สั่งกำชับว่า ต้องควบคุมสถานการณ์ให้ได้ และสร้างความมั่นใจให้ประชาชนในการวางมาตรการรักษาความปลอดภัยให้เข้มงวด รวมถึงช่วงสงกรานต์และการตรวจเลือกทหารกองเกิน ซึ่งที่ผ่านมาได้ร่วมกับทางจังหวัด และตำรวจด้วย