พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีระเบิด 3 จุด ย่านซอยสุขุมวิท 71 เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เปิดเผยว่า ฝ่ายสืบสวน ซึ่งมี พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นหัวหน้าชุด ยังเดินหน้าสืบสวนหาแหล่งที่มาของสติ๊กเกอร์ SEJEAL โดยยังไม่สรุปว่า ผลิตขึ้นในประเทศเยอรมัน และนำเข้ามาเพื่อใช้ในการก่อเหตุในประเทศไทย รวมทั้งเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อหาตัวคนร้ายที่นำแผ่นสติ๊กเกอร์ติดตามที่สาธารณะ เบื้องต้นบางจุดมีภาพ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะอยู่ระหว่างตรวจดีเอ็นเอเพื่อเปรียบเทียบ
ขณะที่ผลการตรวจดีเอ็นเอและลายนิ้วมือแฝง ที่เอกสารของโรงแรมที่ผู้ต้องหาเคยเข้าพัก ใบเสร็จรับเงิน และวัตถุพยานหลายอย่าง พบว่า ดีเอ็นเอและลายนิ้วมือแฝง เป็นของกลุ่มผู้ต้องหาชาวอิหร่าน ถือว่าเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่จะใช้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหา
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังระบุถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นกับส่วนราชการ และประชาชน เช่น บ้านพัก และรถยนต์ในละแวกที่เกิดเหตุ ถนน ตู้โทรศัพท์สาธารณะ และความเสียหายของโรงเรียนเกษมพิทยา ตรวจสอบแล้วเป็นความเสียหาย ประมาณ 5.9 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมความเสียหายที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และประชาชนที่ยังไม่แจ้งความ พนักงานสอบสวนเร่งรวบรวมความเสียหายเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามขณะนี้ ฝ่ายสืบสวนสอบสวน ยังเดินหน้าสอบปากคำพยานบุคคลเพิ่มเติม ในส่วนของผู้ต้องหาที่เคยติดต่อไป และประจักษ์พยานบริเวณจุดเกิดเหตุ เพื่อให้รายละเอียดเหตุการณ์มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งทุกฝ่ายจะนำข้อมูลเข้าที่ประชุมพนักงานสืบสวนสอบสวนอีกครั้ง วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ เวลา 14.00 น.
ส่วนการประสานขอตัวผู้ต้องชาวอิหร่านที่ถูกทางการมาเลเซียจับกุมได้ 1 คน ขณะนี้มีความคืบหน้ามาก โดยทางการมาเลเซียให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ฝ่ายสืบสวน เร่งหาตัวผู้ต้องหา ที่เป็นผู้ต้องสงสัยชาวอิหร่าน 1 คน เข้ามาทำงานเป็นเชฟที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านซอยนานา ซึ่งเป็นจุดรวมตัวของชาวตะวันออกกลาง โดยผู้ต้องสงสัยรายนี้ เช่าห้องพักอยู่ที่ย่านคลองตันกับภรรยา มีพฤติกรรมเก็บตัว เชื่อว่ามีส่วนพัวพันกับผู้ต้องหาชาวอิหร่าน ในคดีระเบิด .3 จุด
ขณะที่ผลการตรวจดีเอ็นเอและลายนิ้วมือแฝง ที่เอกสารของโรงแรมที่ผู้ต้องหาเคยเข้าพัก ใบเสร็จรับเงิน และวัตถุพยานหลายอย่าง พบว่า ดีเอ็นเอและลายนิ้วมือแฝง เป็นของกลุ่มผู้ต้องหาชาวอิหร่าน ถือว่าเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่จะใช้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหา
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังระบุถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นกับส่วนราชการ และประชาชน เช่น บ้านพัก และรถยนต์ในละแวกที่เกิดเหตุ ถนน ตู้โทรศัพท์สาธารณะ และความเสียหายของโรงเรียนเกษมพิทยา ตรวจสอบแล้วเป็นความเสียหาย ประมาณ 5.9 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมความเสียหายที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และประชาชนที่ยังไม่แจ้งความ พนักงานสอบสวนเร่งรวบรวมความเสียหายเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามขณะนี้ ฝ่ายสืบสวนสอบสวน ยังเดินหน้าสอบปากคำพยานบุคคลเพิ่มเติม ในส่วนของผู้ต้องหาที่เคยติดต่อไป และประจักษ์พยานบริเวณจุดเกิดเหตุ เพื่อให้รายละเอียดเหตุการณ์มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งทุกฝ่ายจะนำข้อมูลเข้าที่ประชุมพนักงานสืบสวนสอบสวนอีกครั้ง วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ เวลา 14.00 น.
ส่วนการประสานขอตัวผู้ต้องชาวอิหร่านที่ถูกทางการมาเลเซียจับกุมได้ 1 คน ขณะนี้มีความคืบหน้ามาก โดยทางการมาเลเซียให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ฝ่ายสืบสวน เร่งหาตัวผู้ต้องหา ที่เป็นผู้ต้องสงสัยชาวอิหร่าน 1 คน เข้ามาทำงานเป็นเชฟที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านซอยนานา ซึ่งเป็นจุดรวมตัวของชาวตะวันออกกลาง โดยผู้ต้องสงสัยรายนี้ เช่าห้องพักอยู่ที่ย่านคลองตันกับภรรยา มีพฤติกรรมเก็บตัว เชื่อว่ามีส่วนพัวพันกับผู้ต้องหาชาวอิหร่าน ในคดีระเบิด .3 จุด