นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า สนพ.ประเมินสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกมีโอกาสแตะระดับ 150 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จากสถิติเดิมที่ 147 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในปี 2551 แม้ว่าจะไม่เกิดสงครามในตะวันออกกลาง แต่มีหลายปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันมีทิศทางเพิ่มขึ้น เช่น การหยุดเดินระบบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของญี่ปุ่น เพื่อเข้าตรวจสอบความเสียหายจากเหตุการณ์สึนามิเมื่อปีที่แล้ว ทำให้ญี่ปุ่นต้องจัดหาเชื้อเพลิงประเภทอื่นมาทดแทน อัตราการว่างงานในสหรัฐฯ ลดลง เนื่องจากเศรษฐกิจดีขึ้น ประกอบกับช่วงเข้าสู่ฤดูร้อนของสหรัฐฯ ที่ประชาชนจะขับรถไปท่องเที่ยวทำให้ต้องการใช้น้ำมันเบนซินมากขึ้น ขณะที่ปัญหาหนี้สาธารณะของกรีซได้รับการช่วยเหลือจากสหภาพยุโรปอย่างเต็มที่ จากปัจจัยดังกล่าวคาดว่าจะทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและดีเซล มีโอกาสถึงระดับ 50 บาทต่อลิตร
ทั้งนี้ สนพ.ได้สร้างสถานการณ์จำลองราคาพลังงาน หรือ ซีนารีโอ ในภาวะที่ราคาพลังงานสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อติดตามราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิด ประกอบการตัดสินใจในการดำเนินนโยบายด้านพลังงานและการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ต้องพิจารณาตามสถานการณ์หากราคาน้ำมันสูงขึ้นอีกจะจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพิ่มได้หรือไม่ จากปัจจุบันที่จัดเก็บจากกลุ่มเบนซิน ลิตรละ 2 บาท และดีเซล ลิตรละ 60 สตางค์ และการบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ขณะที่การประเมินราคาค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ หรือ เอฟที ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) กล่าวว่า จะได้รับผลกระทบจากราคาเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้น ในงวดเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2555 แต่ขึ้นอยู่กับการการพิจารณาความเหมาะสมของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) หรือ เรกกูเลเตอร์
ทั้งนี้ สนพ.ได้สร้างสถานการณ์จำลองราคาพลังงาน หรือ ซีนารีโอ ในภาวะที่ราคาพลังงานสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อติดตามราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิด ประกอบการตัดสินใจในการดำเนินนโยบายด้านพลังงานและการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ต้องพิจารณาตามสถานการณ์หากราคาน้ำมันสูงขึ้นอีกจะจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพิ่มได้หรือไม่ จากปัจจุบันที่จัดเก็บจากกลุ่มเบนซิน ลิตรละ 2 บาท และดีเซล ลิตรละ 60 สตางค์ และการบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ขณะที่การประเมินราคาค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ หรือ เอฟที ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) กล่าวว่า จะได้รับผลกระทบจากราคาเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้น ในงวดเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2555 แต่ขึ้นอยู่กับการการพิจารณาความเหมาะสมของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) หรือ เรกกูเลเตอร์
