นายธานินทร์ เปรมปรีด์ พนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผยความคืบหน้าในการดำเนินคดีกรณีฮั้วประมูลเครื่องฟอกไต หลังตรวจค้น บริษัท เฟรซีเนียส เมดิคอล แคร์ เมื่อวานนี้ โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้ส่งเรื่องให้กระทรวงสาธารณสุขช่วยตรวจสอบเพิ่มเติม เนื่องจากเจ้าหน้าที่เชื่อว่า น่าจะมีโรงพยาบาลของรัฐอีกหลายแห่งจัดซื้อเครื่องฟอกไตจากบริษัทดังกล่าว พร้อมตรวจสอบด้วยว่า มีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องการจัดซื้อจัดจ้างครั้งนี้หรือไม่
ทั้งนี้ แม้การจัดซื้อเครื่องฟอกไตของบางโรงพยาบาลจะเกิดขึ้นในปี 2547 แต่ไม่กระทบต่อการค้นหาพยานหลักฐานในการสอบสวน เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย อีกทั้งอายุความคดีนี้มีถึง 10 ปี ซึ่งจากการรวบรวมพยานเอกสารคาดว่า ภายในเดือนหน้าสำนวนคดีน่าจะแล้วเสร็จ และสามารถส่งฟ้องต่ออัยการได้
สำหรับการตรวจสอบเรื่องนี้ เกิดจากการที่กรมบัญชีกลางพบความผิดปกติของการจัดซื้อเครื่องฟอกไตของโรงพยาบาล 8 แห่ง ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยลักษณะความผิดคือ เมื่อโรงพยาบาลจะเปิดการประมูล ทางบริษัทจะให้พนักงานเป็นตัวแทนของบริษัทคู่แข่ง ไปยื่นเสนอราคาพร้อมกัน แต่จะตั้งราคาประมูลที่สูงกว่า เพื่อให้บริษัท เฟรซีเนียส ได้งานไป ซึ่งราคาที่บริษัท เฟรซีเนียส นำมาขายสูงกว่าราคากลาง แต่ไม่มากนัก
ทั้งนี้ แม้การจัดซื้อเครื่องฟอกไตของบางโรงพยาบาลจะเกิดขึ้นในปี 2547 แต่ไม่กระทบต่อการค้นหาพยานหลักฐานในการสอบสวน เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย อีกทั้งอายุความคดีนี้มีถึง 10 ปี ซึ่งจากการรวบรวมพยานเอกสารคาดว่า ภายในเดือนหน้าสำนวนคดีน่าจะแล้วเสร็จ และสามารถส่งฟ้องต่ออัยการได้
สำหรับการตรวจสอบเรื่องนี้ เกิดจากการที่กรมบัญชีกลางพบความผิดปกติของการจัดซื้อเครื่องฟอกไตของโรงพยาบาล 8 แห่ง ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยลักษณะความผิดคือ เมื่อโรงพยาบาลจะเปิดการประมูล ทางบริษัทจะให้พนักงานเป็นตัวแทนของบริษัทคู่แข่ง ไปยื่นเสนอราคาพร้อมกัน แต่จะตั้งราคาประมูลที่สูงกว่า เพื่อให้บริษัท เฟรซีเนียส ได้งานไป ซึ่งราคาที่บริษัท เฟรซีเนียส นำมาขายสูงกว่าราคากลาง แต่ไม่มากนัก