นายสุเทพ น้อยไพโรจน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน ในฐานะประธานอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ปี 2555 เปิดเผยว่า กรมชลประทาน ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการน้ำ (กยน.) ให้จัดทำแผนบริหารจัดการน้ำในเขื่อน และแผนบริหารจัดการน้ำทั้งประเทศ โดยกรมชลประทานได้เสนอให้แต่งตั้งคณะทำงานจัดทำแผนการบริหารจัดการน้ำในเขื่อนเก็บกักน้ำหลัก และแผนบริหารจัดการน้ำของประเทศ โดยได้ทบทวนเกณฑ์แผนการระบายน้ำของเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ โดยกำหนดเป้าหมายการระบายน้ำในฤดูแล้ง เดือนกุมภาพันธ์ 2,842 ล้านลูกบาศก์เมตร เดือนมีนาคม 3,038 ล้านลูกบาศก์เมตร และเดือนเมษายน 3,090 ล้านลูกบาศก์เมตร
จากนั้น จะส่งผลให้สิ้นฤดูแล้ง วันที่ 1 พฤษภาคม เขื่อนภูมิพลจะมีปริมาณน้ำเหลือ 45 เปอร์เซ็นต์ และเขื่อนสิริกิติ์ มีปริมาณน้ำเหลือ 44 เปอร์เซ็นต์ เท่าเกณฑ์การเก็บน้ำต่ำสุด ทำให้มีพื้นที่ว่างเพียงพอรองรับปริมาณน้ำฝนในช่วงฤดูน้ำหลากปีนี้ โดยไม่มีปัญหาน้ำล้นอ่าง ท่วมพื้นที่ท้ายเขื่อนเหมือนปีที่แล้ว
ทั้งนี้ จะเสนอแผนเข้าที่ประชุม กยน.ให้รับทราบ ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์นี้
ตามแผนดังกล่าวจะตั้งสมมติฐานปริมาณน้ำฝนเท่ากับปีที่แล้ว และหากการบริหารจัดการทำได้ตามแผน จะทำให้สามารถลดการท่วมขังลงไปได้ครึ่งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ยังมีจุดกังวลและเป็นอุปสรรค คือเรื่องของพื้นที่น้ำนอง เพราะมาตรการการบริหารจัดการน้ำ ลดการท่วมขังในพื้นที่สำคัญ โดยเฉพาะพื้นที่เศรษฐกิจ และพื้นที่เมือง อาจทำให้น้ำท่วมขังในพื้นที่ทุ่งรับน้ำเร็วขึ้น จากปีที่แล้วเริ่มท่วมในเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม แต่ปีนี้อาจจะเร็วขึ้น หรือเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ก็จะมีน้ำท่วมขังแล้ว แต่มีพื้นที่ที่ไม่มากนัก
นอกจากนี้ กรมชลประทาน ยังได้กำหนดแผนการจัดสรรน้ำในช่วงฤดูแล้ง ปี 2554/2555 เพื่อจะสนับสนุนการใช้น้ำในทุกภาคกิจกรรม โดยคิดเป็นปริมาณน้ำรวมแล้ว 31,900 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยจัดสรรเพื่อใช้ในการเกษตรมากที่สุด 20,000 ล้านลูกบาศก์เมตร
จากนั้น จะส่งผลให้สิ้นฤดูแล้ง วันที่ 1 พฤษภาคม เขื่อนภูมิพลจะมีปริมาณน้ำเหลือ 45 เปอร์เซ็นต์ และเขื่อนสิริกิติ์ มีปริมาณน้ำเหลือ 44 เปอร์เซ็นต์ เท่าเกณฑ์การเก็บน้ำต่ำสุด ทำให้มีพื้นที่ว่างเพียงพอรองรับปริมาณน้ำฝนในช่วงฤดูน้ำหลากปีนี้ โดยไม่มีปัญหาน้ำล้นอ่าง ท่วมพื้นที่ท้ายเขื่อนเหมือนปีที่แล้ว
ทั้งนี้ จะเสนอแผนเข้าที่ประชุม กยน.ให้รับทราบ ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์นี้
ตามแผนดังกล่าวจะตั้งสมมติฐานปริมาณน้ำฝนเท่ากับปีที่แล้ว และหากการบริหารจัดการทำได้ตามแผน จะทำให้สามารถลดการท่วมขังลงไปได้ครึ่งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ยังมีจุดกังวลและเป็นอุปสรรค คือเรื่องของพื้นที่น้ำนอง เพราะมาตรการการบริหารจัดการน้ำ ลดการท่วมขังในพื้นที่สำคัญ โดยเฉพาะพื้นที่เศรษฐกิจ และพื้นที่เมือง อาจทำให้น้ำท่วมขังในพื้นที่ทุ่งรับน้ำเร็วขึ้น จากปีที่แล้วเริ่มท่วมในเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม แต่ปีนี้อาจจะเร็วขึ้น หรือเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ก็จะมีน้ำท่วมขังแล้ว แต่มีพื้นที่ที่ไม่มากนัก
นอกจากนี้ กรมชลประทาน ยังได้กำหนดแผนการจัดสรรน้ำในช่วงฤดูแล้ง ปี 2554/2555 เพื่อจะสนับสนุนการใช้น้ำในทุกภาคกิจกรรม โดยคิดเป็นปริมาณน้ำรวมแล้ว 31,900 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยจัดสรรเพื่อใช้ในการเกษตรมากที่สุด 20,000 ล้านลูกบาศก์เมตร
