นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงกรณีที่เอกชนและเอ็นจีโอ นำโดยมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคจะยื่นต่อศาลปกครองขอคุ้มครองชั่วคราวไม่ให้ขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวีและแอลพีจีภาคขนส่งในวันที่ 16 มกราคมนี้ โดยยอมรับว่า มีแรงกดดันมากเรื่องการปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบ ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ หากไม่กล้าทำคงจะแก้ไขปัญหาประเทศได้ยาก ตนไม่อยากมานั่งตำแหน่งรัฐมนตรีโดยไม่ทำในสิ่งที่ถูกต้อง หากทำให้ถูกปลดก็ไม่เป็นไร
นายพิชัย กล่าวว่า ไม่อยากให้กรณีเอ็นจีวีเหมือนกับแอลพีจีที่มีเพิ่มขึ้น เพิ่มจำนวนรถ 8-9 แสนคัน จากปี 2550 ใช้แอลพีจีรถยนต์เพียง 5,800 ล้านลิตร มาในปี 2554 ใช้เพิ่มเป็น 8,200 ล้านลิตร และคาดว่าปีนี้จะเพิ่มถึงร้อยละ 11 หรือเพิ่มเป็นกว่า 9,000 ล้านลิตร ต้องนำเข้าแอลพีจีเป็นล้านตันต่อปี หากราคาเอ็นจีวีไม่ขยับขึ้นเลยปัญหาจะหนักเหมือนแอลพีจี ซึ่งนอกจากเงินของ ปตท.แล้ว ยังต้องใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่เก็บจากผู้ใช้น้ำมันมาอุดหนุน ซึ่งไม่เป็นธรรม อย่างไรก็ตามจะหารือโครงสร้างต้นทุนร่วมกับผู้ประกอบการเพื่อให้เกิดการยอมรับกันมากขึ้น
นายพิชัย กล่าวว่า ไม่อยากให้กรณีเอ็นจีวีเหมือนกับแอลพีจีที่มีเพิ่มขึ้น เพิ่มจำนวนรถ 8-9 แสนคัน จากปี 2550 ใช้แอลพีจีรถยนต์เพียง 5,800 ล้านลิตร มาในปี 2554 ใช้เพิ่มเป็น 8,200 ล้านลิตร และคาดว่าปีนี้จะเพิ่มถึงร้อยละ 11 หรือเพิ่มเป็นกว่า 9,000 ล้านลิตร ต้องนำเข้าแอลพีจีเป็นล้านตันต่อปี หากราคาเอ็นจีวีไม่ขยับขึ้นเลยปัญหาจะหนักเหมือนแอลพีจี ซึ่งนอกจากเงินของ ปตท.แล้ว ยังต้องใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่เก็บจากผู้ใช้น้ำมันมาอุดหนุน ซึ่งไม่เป็นธรรม อย่างไรก็ตามจะหารือโครงสร้างต้นทุนร่วมกับผู้ประกอบการเพื่อให้เกิดการยอมรับกันมากขึ้น
