นายนิรมิต สุจารี ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ส.ส.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พรรคเพื่อไทยเกือบทั้งหมด ได้หารือเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ขณะนี้ยังมีความเห็นต่างกันในรายละเอียด แต่หลักการใหญ่เห็นด้วยกับมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงจังหวัดละ 1 คน เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วม ส่วนตัวแล้วเห็นว่าควรทำประชามติก่อนแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ถ้าทำหลังแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ได้ แม้จะใช้เงินในการทำประชามติแต่ละครั้งไม่ต่ำกว่า 2,500 ล้านบาท แต่ถือว่าคุ้มกับการได้รัฐธรรมนูญที่มาจากประชาธิปไตย ไม่ใช่รัฐธรรมนูญฉบับรัฐประหารเหมือนเช่นปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่ตนเป็นเลขานุการคณะกรรมาธิการกฎหมาย ยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน จะเสนอให้กรรมาธิการฯ ยกเรื่องการถกเถียงของคนในสังคมต่อเรื่องกฎหมายอาญา มาตรา 112 มาหารือในคณะกรรมาธิการฯ เนื่องจากขณะนี้เห็นว่ามีความคิดเห็นหลากหลาย กรรมาธิการควรนำเรื่องนี้หารือเพื่อให้ได้ข้อคิดจากหลายฝ่ายในเชิงวิชาการ ซึ่งตนในฐานะ ส.ส.เห็นว่า ยังไม่ถึงเวลาแก้ไข มาตรา 112 ควรแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนเพราะเป็นเรื่องใหญ่
อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่ตนเป็นเลขานุการคณะกรรมาธิการกฎหมาย ยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน จะเสนอให้กรรมาธิการฯ ยกเรื่องการถกเถียงของคนในสังคมต่อเรื่องกฎหมายอาญา มาตรา 112 มาหารือในคณะกรรมาธิการฯ เนื่องจากขณะนี้เห็นว่ามีความคิดเห็นหลากหลาย กรรมาธิการควรนำเรื่องนี้หารือเพื่อให้ได้ข้อคิดจากหลายฝ่ายในเชิงวิชาการ ซึ่งตนในฐานะ ส.ส.เห็นว่า ยังไม่ถึงเวลาแก้ไข มาตรา 112 ควรแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนเพราะเป็นเรื่องใหญ่