นายสุพจน์ พรหมมาโนช ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ตรวจพบรอยแตกของฐานเจดีย์ลาย ภายในวัดพระราม ฝั่งทิศตะวันตกเฉียงใต้ โบราณสถานสำคัญของจังหวัด นอกจากนี้ยังพบรอยแตกของกำแพงแก้วชั้นในของเจดีย์วัดพระราม รวมทั้งหมด 13 จุด ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบ พร้อมแจ้งเตือนนักท่องเที่ยวอย่าเดินเข้าไปใกล้ เพราะเกรงอาจจะเกิดอันตราย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่กำลังกังวลใจในขณะนี้อีก คือ ทีมวิศวกร ของกรมศิลปากร ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายของโบราณสถานเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่า โบราณสถานสำคัญหลายแห่งของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทั้งเกาะเมืองฝั่งตะวันออก และฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะโบราณสถานที่เกิดการเอียงอยู่แล้วเกิดการทรุดตัวของผิวดิน และตัวโบราณสถาน เฉลี่ย 5 เซนติเมตร
สำหรับสาเหตุของการทรุดตัวนั้น นายสุพจน์ กล่าวว่า สาเหตุหลักเกิดจากปัญหาน้ำท่วมขังตัวโบราณสถานเป็นเวลานาน ซึ่งการบูรณะนั้นจะต้องใช้เวลา ยกตัวอย่างเช่น วัดไชยวัฒนาราม ขณะนี้น้ำด้านหลังฝั่งทิศตะวันตกยังมีน้ำท่วมอยู่อีกประมาณ 30 เซนติเมตร ซึ่งจะต้องรอให้ระดับน้ำลดลงมากกว่านี้อีกนิด จึงจะสูบน้ำออกด้านหน้าลงแม่น้ำเจ้าพระยา เพราะหากมีการสูบน้ำออกในช่วงนี้อาจจะทำให้ดินที่ชุ่มน้ำทรุดตัวลงทันที
ทั้งนี้งบประมาณ ที่จะใช้บูรณะวัดไชยวัฒนาราม จะอยู่ที่ประมาณ 30 ล้านบาท เบื้องต้นจะต้องฟื้นฟูสนามหญ้า และสำรวจฐานรากของวัดไชยวัฒนารามทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่กำลังกังวลใจในขณะนี้อีก คือ ทีมวิศวกร ของกรมศิลปากร ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายของโบราณสถานเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่า โบราณสถานสำคัญหลายแห่งของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทั้งเกาะเมืองฝั่งตะวันออก และฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะโบราณสถานที่เกิดการเอียงอยู่แล้วเกิดการทรุดตัวของผิวดิน และตัวโบราณสถาน เฉลี่ย 5 เซนติเมตร
สำหรับสาเหตุของการทรุดตัวนั้น นายสุพจน์ กล่าวว่า สาเหตุหลักเกิดจากปัญหาน้ำท่วมขังตัวโบราณสถานเป็นเวลานาน ซึ่งการบูรณะนั้นจะต้องใช้เวลา ยกตัวอย่างเช่น วัดไชยวัฒนาราม ขณะนี้น้ำด้านหลังฝั่งทิศตะวันตกยังมีน้ำท่วมอยู่อีกประมาณ 30 เซนติเมตร ซึ่งจะต้องรอให้ระดับน้ำลดลงมากกว่านี้อีกนิด จึงจะสูบน้ำออกด้านหน้าลงแม่น้ำเจ้าพระยา เพราะหากมีการสูบน้ำออกในช่วงนี้อาจจะทำให้ดินที่ชุ่มน้ำทรุดตัวลงทันที
ทั้งนี้งบประมาณ ที่จะใช้บูรณะวัดไชยวัฒนาราม จะอยู่ที่ประมาณ 30 ล้านบาท เบื้องต้นจะต้องฟื้นฟูสนามหญ้า และสำรวจฐานรากของวัดไชยวัฒนารามทั้งหมด