สตรีวัยรุ่นปากีสถานรายหนึ่งเมื่อวันจันทร์(19) เล่าเหตุการณ์อันน่าสยองกรณีถูกสามีเฉือนจมูกและริมฝีปากออก พร้อมขู่ฆ่าตัวตายจนกว่าตำรวจจะนำตัวผัวตัวร้ายเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
คดีอันน่าสยดสยองนี้ย้ำให้เห็นถึงความโหดเหี้ยมรุนแรงที่ผู้หญิงบางส่วนในปากีสถานยังต้องเผชิญ หลังจากพระราชบัญญัติความรุนแรงภายในครอบครัวที่นำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาในปี 2009 ถูกตีตกไปในวาระของวุฒิสภาหลังถูกคัดต้านจากเหล่าพรรคการเมืองฝักใฝ่ศาสนาทั้งหลาย
ซัลมา ไบไบ วัย 17 ปีเล่าว่าสามีของเธอนายกูลาม กาดีร์ อายุ 22 ปี ทำร้ายทุขตี จากนั้นก็ใช้เชือกมัดมือและเท้า ก่อนลงใช้มีดโกนเฉือนจูมกและริมฝีปาก ณ หมู่บ้านห่างไกลแห่งหนึ่งในแคว้นบาลูจิสถาน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ
"เขาตบหน้าฉันหลายครั้ง จากนั้นก็เข้าไปยังห้องและกลับออกมาพร้อมกับมีดโกนที่คมมาก" เธอบอกกับเอเอฟพี ขณะเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลในเมืองมุลตาน "ฉันเริ่มตะโกนด้วยความกลัว เขาใช้เชือกมัดมือและเท้าฉัน และลงมือเฉือนจมูกและริมฝีปาก"
หญิงสาวรายนี้เล่าต่อว่าด้วยที่ครอบครัวของเธอพยายามแจ้งความแต่กลับถูกตำรวจปฏิเสธ ดังนั้นเธอจึงขอประกาศจะฆ่าตัวตายหากว่าผู้เป็นสามีไม่ถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
คดีอันน่าสยดสยองนี้ย้ำให้เห็นถึงความโหดเหี้ยมรุนแรงที่ผู้หญิงบางส่วนในปากีสถานยังต้องเผชิญ หลังจากพระราชบัญญัติความรุนแรงภายในครอบครัวที่นำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาในปี 2009 ถูกตีตกไปในวาระของวุฒิสภาหลังถูกคัดต้านจากเหล่าพรรคการเมืองฝักใฝ่ศาสนาทั้งหลาย
ซัลมา ไบไบ วัย 17 ปีเล่าว่าสามีของเธอนายกูลาม กาดีร์ อายุ 22 ปี ทำร้ายทุขตี จากนั้นก็ใช้เชือกมัดมือและเท้า ก่อนลงใช้มีดโกนเฉือนจูมกและริมฝีปาก ณ หมู่บ้านห่างไกลแห่งหนึ่งในแคว้นบาลูจิสถาน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ
"เขาตบหน้าฉันหลายครั้ง จากนั้นก็เข้าไปยังห้องและกลับออกมาพร้อมกับมีดโกนที่คมมาก" เธอบอกกับเอเอฟพี ขณะเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลในเมืองมุลตาน "ฉันเริ่มตะโกนด้วยความกลัว เขาใช้เชือกมัดมือและเท้าฉัน และลงมือเฉือนจมูกและริมฝีปาก"
หญิงสาวรายนี้เล่าต่อว่าด้วยที่ครอบครัวของเธอพยายามแจ้งความแต่กลับถูกตำรวจปฏิเสธ ดังนั้นเธอจึงขอประกาศจะฆ่าตัวตายหากว่าผู้เป็นสามีไม่ถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม