พล.ต.อัคร ทิพโรจน์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 มีความห่วงใยเกี่ยวกับสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะใน จ.ยะลา ที่มีข่าวลือออกมาว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ใกล้จะถึงนี้ ห้ามชาวบ้านออกนอกบ้าน เพราะจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้น กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จึงต้องมีการทำความเข้าใจกับผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยทุกหน่วยจะต้องทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนต่อสถานการณ์ข่าวลือต่างๆ ในพื้นที่ โดยเน้นย้ำการการสื่อสารและการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเจ้าหน้าที่กับประชาชน ซึ่งจะทำให้ประชาชนคลายความวิตกกังวลได้ ซึ่งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ยินดีที่จะเปิดโอกาสให้กลุ่มคนเหล่านี้เรียกร้องหรือแสวงหาความเป็นธรรม แต่ทั้งนี้ต้องเป็นไปตามแนวทางสันติวิธี หากเป็นวิธีการที่ทำร้ายประชาชนนั้น เป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ เพราะฉะนั้น ทุกหน่วยจะต้องช่วยกันชี้แจงพี่น้องประชาชนให้เข้าใจ
นอกจากนี้ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ยังได้ฝากไปถึงประชาชนให้มีความเข้าใจต่อการปฏิบัติงานของภาครัฐ ซึ่งมีความปรารถนาดีต่อการสร้างสันติสุขในพื้นที่ว่า ในส่วนของกองทัพนั้นจะยังคงนำพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาใช้ในพื้นที่ต่อไป ทั้งนี้เพื่อให้การแก้ไขปัญหาสถานการณ์ความรุนแรงประสบผลสำเร็จ และกองทัพยังเปิดโอกาสให้ผู้หลงผิดเข้ามาต่อสู้ด้วยแนวทางสันติวิธี
ทั้งนี้ ประโยชน์สูงสุดจะเกิดกับผู้ที่หลงผิดไปและหันกลับมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมภายใต้แนวทางสันติวิธี โดยสิ่งที่ผู้ก่อเหตุจะได้รับกลับไปคือ ความช่วยเหลือด้านคดี และการได้รับโอกาสในการกลับคืนสู่ครอบครัวอีกครั้ง และขอให้ความมั่นใจแก่พี่น้องประชาชนต่อการดำเนินงานแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จะปฏิบัติการภายใต้กรอบของกฎหมายและเคารพสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด เพื่อนำพาความสงบสุขกลับคืนสู่พื้นที่ต่อไป
นอกจากนี้ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ยังได้ฝากไปถึงประชาชนให้มีความเข้าใจต่อการปฏิบัติงานของภาครัฐ ซึ่งมีความปรารถนาดีต่อการสร้างสันติสุขในพื้นที่ว่า ในส่วนของกองทัพนั้นจะยังคงนำพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาใช้ในพื้นที่ต่อไป ทั้งนี้เพื่อให้การแก้ไขปัญหาสถานการณ์ความรุนแรงประสบผลสำเร็จ และกองทัพยังเปิดโอกาสให้ผู้หลงผิดเข้ามาต่อสู้ด้วยแนวทางสันติวิธี
ทั้งนี้ ประโยชน์สูงสุดจะเกิดกับผู้ที่หลงผิดไปและหันกลับมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมภายใต้แนวทางสันติวิธี โดยสิ่งที่ผู้ก่อเหตุจะได้รับกลับไปคือ ความช่วยเหลือด้านคดี และการได้รับโอกาสในการกลับคืนสู่ครอบครัวอีกครั้ง และขอให้ความมั่นใจแก่พี่น้องประชาชนต่อการดำเนินงานแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จะปฏิบัติการภายใต้กรอบของกฎหมายและเคารพสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด เพื่อนำพาความสงบสุขกลับคืนสู่พื้นที่ต่อไป
