สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ(มหาชน) รายงานบนเว็บไซต์ www.narit.or.th แจ้งปรากฏการณ์ดาราศาสตร์ไว้ว่า วันที่ 10 ธ.ค.นี้ จะเกิด “จันทรุปราคาเต็มดวง” โดยดวงจันทร์จะเข้าสู่เงามืดของโลกตั้งแต่เวลา 19.46 น.และเริ่มเต็มดวงเวลา 21.06 – 21.57 เป็นเวลานาน 51 นาที ในช่วงเต็มดวง พระจันทร์จะเป็นสีแดงอิฐทั้งดวง เห็นด้วยตาเปล่าทุกภูมิภาคของประเทศ ทางทิศตะวันออก จากเส้นขอบฟ้า 40 องศา ส่วนประเทศอื่น ๆ จะเห็นได้ ในแถบ ทวีปเอเชีย ทวีปออสเตรเลีย และฝั่งตะวันตกของทวีปอเมริกาเหนือ ครั้งนี้ ถือเป็นคราสสุดท้ายของปี จากนั้นจะว่างเว้นไปอีก 3 ปี คือจะเกิดอีกครั้งวันที่ 8 ต.ค.57 และ 4 เม.ย. 58
นอกจากนี้ คนไทยจะได้เห็นปรากฏการณ์จันทรุปราคาของดาวพฤหัสบดี ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ที่หาชมได้ยาก โดยการเกิดจันทรุปราคาของดาวพฤหัสบดี เป็นเพราะ “ดวงจันทร์ไอโอ” ของดาวพฤหัสบดี โคจรเข้าไปในเงามืดของดาวพฤหัสบดี ทำให้คนบนโลกจะมองเห็นดวงจันทร์ไอโอค่อยๆ เคลื่อนที่หายเข้าไปหลังดาวพฤหัสบดี ในเวลา 18:12 น. และเคลื่อนที่ออกจากเงามืดของดาวพฤหัสบดีในเวลา 21:22 น. แต่การสังเกตจันทรุปราคาบนดาวพฤหัสบดี ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า เนื่องจากดาวพฤหัสบดีอยู่ไกลมาก จึงต้องดูผ่านกล้องโทรทรรศน์กำลังขยายตั้งแต่ 50 เท่า ขึ้นไปเท่านั้น
อนึ่งในรอบปี 2554 เคยเกิดจันทรุปราคาเต็มดวง สีแดงอิฐเช่นเดียวกันมาแล้ว เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. แต่ช่วงดังกล่าวท้องฟ้ามีเมฆมาก หลายพื้นที่จึงพลาดโอกาสชม
นอกจากนี้ คนไทยจะได้เห็นปรากฏการณ์จันทรุปราคาของดาวพฤหัสบดี ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ที่หาชมได้ยาก โดยการเกิดจันทรุปราคาของดาวพฤหัสบดี เป็นเพราะ “ดวงจันทร์ไอโอ” ของดาวพฤหัสบดี โคจรเข้าไปในเงามืดของดาวพฤหัสบดี ทำให้คนบนโลกจะมองเห็นดวงจันทร์ไอโอค่อยๆ เคลื่อนที่หายเข้าไปหลังดาวพฤหัสบดี ในเวลา 18:12 น. และเคลื่อนที่ออกจากเงามืดของดาวพฤหัสบดีในเวลา 21:22 น. แต่การสังเกตจันทรุปราคาบนดาวพฤหัสบดี ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า เนื่องจากดาวพฤหัสบดีอยู่ไกลมาก จึงต้องดูผ่านกล้องโทรทรรศน์กำลังขยายตั้งแต่ 50 เท่า ขึ้นไปเท่านั้น
อนึ่งในรอบปี 2554 เคยเกิดจันทรุปราคาเต็มดวง สีแดงอิฐเช่นเดียวกันมาแล้ว เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. แต่ช่วงดังกล่าวท้องฟ้ามีเมฆมาก หลายพื้นที่จึงพลาดโอกาสชม
