นายอรุณ พ่วงสมบัติ ผู้อำนวยการ เขตมีนบุรี กล่าวผ่านเนเชั่นแชนแนล ว่าได้ส่งโทรสารแจ้งไปทางกทม.แล้ว ในวันที่ 7 พ.ย.จะมีการประชุมกันในตอนเช้า
ทั้งนี้ ถ้าเปิดประตูระบายสูงขึ้น จะทำให้น้ำลงไปด้านล่างไปยังคลองแสนแสบเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น.ได้มีกลุ่มชาวบ้านบึงขวาง เขตมีนบุรี หมู่ 4 , 15 และ 16 ประมาณ 300 คน ได้รวมตัวปิดการจราจรบริเวณปากซอยร่มเกล้า 3 ทั้งขาเข้า-ออก (จากมีนบุรีไปสุวรรณภูมิ ) เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาล และศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.) เปิดประตูระบายน้ำคลองบึงขวาง เพิ่มขึ้นจากความสูง 1 เมตร เป็น 2 เมตร เพื่อลดผลกระทบน้ำท่วมในพื้นที่ เนื่องจากถูกท่วมมาเกือบเดือนแล้ว ไม่มีเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแล โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูแลความเรียบร้อย วางกำลังป้องกันประตูระบายน้ำ และป้องกันไม่ให้มีการกระทบกระทั่งกันของมวลชนทั้งสองฝั่งประตูระบายน้ำ
สำนักงานเขตมีนบุรีได้ส่งผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตมาเจรจา กับแกนนำชาวบ้าน โดยจะรับข้อเสนอไว้ และเสนอให้ผู้บริหารระดับสูงต่อไป และจะให้คำตอบในวันจันทร์ที่ 7 พ.ย. ทำให้สถานการณ์คลี่คลายลงไประดับหนึ่ง ชาวบ้านบางส่วนได้แยกย้ายกลับบ้าน แต่บางส่วนยังอยู่บนถนน ทำให้การจราจรติดขัดเป็นระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามเจรจาเพื่อให้เปิดการจราจร เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น.ได้เปิดการจราจรให้รถผ่านได้แล้ว
8 พ.ย.เปิดประตูน้ำกทม.ทุกบาน
ก่อนหน้านี้ นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การวางบิ๊กแบ็ก ที่บริเวณหลักหก เป็นการแบ่งส่วนน้ำระหว่างคลองเปรมประชากร และคลองรังสิตประยูรศักดิ์ จากผืนเดียวกันให้แยกออกจากกัน เพื่อให้ง่ายต่อการระบายน้ำ เพราะเดิมเป็นน้ำผืนเดียวกัน และยืนยันว่าหลังจากวางบิ๊กแบ็กแล้วพบว่าน้ำบริเวณหน้าดอนเมืองยังทรงตัว ส่วนน้ำบริเวณแจ้งวัฒนะมาถึงบางเขนพบว่าลดลง ส่วนจากบางเขนมาหน้า ศปภ.พบว่ายังเท่าเดิม
ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย.นี้ จะเพิ่มเครื่องสูบน้ำระบายน้ำจากคลองบางซื่อไปยังคลองสามเสน เพื่อหาทางระบายออกลงแม่น้ำเจ้าพระยาให้เร็วขึ้น โดยเฉพาะตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย.เป็นต้นไป ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาจะลดลง จะเปิดประตูระบายน้ำของกทม.ทุกแห่ง เพื่อระบายน้ำจากฝั่งตะวันออกลงแม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนน้ำจากคลองลาดพร้าวจะตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มขึ้น เพื่อระบายลงคลองแสนแสบและส่งผ่านไปยังอุโมงค์ยักษ์ของ กทม.ต่อไป
ทั้งนี้ ถ้าเปิดประตูระบายสูงขึ้น จะทำให้น้ำลงไปด้านล่างไปยังคลองแสนแสบเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น.ได้มีกลุ่มชาวบ้านบึงขวาง เขตมีนบุรี หมู่ 4 , 15 และ 16 ประมาณ 300 คน ได้รวมตัวปิดการจราจรบริเวณปากซอยร่มเกล้า 3 ทั้งขาเข้า-ออก (จากมีนบุรีไปสุวรรณภูมิ ) เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาล และศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.) เปิดประตูระบายน้ำคลองบึงขวาง เพิ่มขึ้นจากความสูง 1 เมตร เป็น 2 เมตร เพื่อลดผลกระทบน้ำท่วมในพื้นที่ เนื่องจากถูกท่วมมาเกือบเดือนแล้ว ไม่มีเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแล โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูแลความเรียบร้อย วางกำลังป้องกันประตูระบายน้ำ และป้องกันไม่ให้มีการกระทบกระทั่งกันของมวลชนทั้งสองฝั่งประตูระบายน้ำ
สำนักงานเขตมีนบุรีได้ส่งผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตมาเจรจา กับแกนนำชาวบ้าน โดยจะรับข้อเสนอไว้ และเสนอให้ผู้บริหารระดับสูงต่อไป และจะให้คำตอบในวันจันทร์ที่ 7 พ.ย. ทำให้สถานการณ์คลี่คลายลงไประดับหนึ่ง ชาวบ้านบางส่วนได้แยกย้ายกลับบ้าน แต่บางส่วนยังอยู่บนถนน ทำให้การจราจรติดขัดเป็นระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามเจรจาเพื่อให้เปิดการจราจร เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น.ได้เปิดการจราจรให้รถผ่านได้แล้ว
8 พ.ย.เปิดประตูน้ำกทม.ทุกบาน
ก่อนหน้านี้ นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การวางบิ๊กแบ็ก ที่บริเวณหลักหก เป็นการแบ่งส่วนน้ำระหว่างคลองเปรมประชากร และคลองรังสิตประยูรศักดิ์ จากผืนเดียวกันให้แยกออกจากกัน เพื่อให้ง่ายต่อการระบายน้ำ เพราะเดิมเป็นน้ำผืนเดียวกัน และยืนยันว่าหลังจากวางบิ๊กแบ็กแล้วพบว่าน้ำบริเวณหน้าดอนเมืองยังทรงตัว ส่วนน้ำบริเวณแจ้งวัฒนะมาถึงบางเขนพบว่าลดลง ส่วนจากบางเขนมาหน้า ศปภ.พบว่ายังเท่าเดิม
ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย.นี้ จะเพิ่มเครื่องสูบน้ำระบายน้ำจากคลองบางซื่อไปยังคลองสามเสน เพื่อหาทางระบายออกลงแม่น้ำเจ้าพระยาให้เร็วขึ้น โดยเฉพาะตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย.เป็นต้นไป ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาจะลดลง จะเปิดประตูระบายน้ำของกทม.ทุกแห่ง เพื่อระบายน้ำจากฝั่งตะวันออกลงแม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนน้ำจากคลองลาดพร้าวจะตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มขึ้น เพื่อระบายลงคลองแสนแสบและส่งผ่านไปยังอุโมงค์ยักษ์ของ กทม.ต่อไป