นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ขณะนี้ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ต่างๆ ที่ขยายวงกว้างออกไปในนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค และนิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า ได้สร้างความเสียหายต่อภาคอุตสาหกรรมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากรวมนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ และนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนะ คำนวณความเสียหายโดยรวมแล้วน่าจะอยู่ที่ประมาณ 1 แสนล้านบาท หรือร้อยละ 1 ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี)
ส่วนความเสียหายจากน้ำท่วมต่อภาคเกษตรกรรม ค่อนข้างนิ่งแล้ว อยู่ที่ประมาณ 16,000-20,000 ล้านบาท ซึ่งผู้ว่าฯ ธปท.ยอมรับว่า ความเสียหายโดยรวมยังเพิ่มมากขึ้น และมีโอกาสเป็นไปได้ที่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับลดประมาณการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้ลง จากเดิมที่คาดไว้ 4.1 เปอร์เซ็นต์ ส่วนจะส่งผลกระทบต่อจีดีพีปีหน้าหรือไม่นั้น คงต้องขึ้นอยู่กับมาตรการฟื้นฟูหลังจากน้ำลดด้วยว่าจะทำได้รวดเร็วมากน้อยเพียงใด
ส่วนความเสียหายจากน้ำท่วมต่อภาคเกษตรกรรม ค่อนข้างนิ่งแล้ว อยู่ที่ประมาณ 16,000-20,000 ล้านบาท ซึ่งผู้ว่าฯ ธปท.ยอมรับว่า ความเสียหายโดยรวมยังเพิ่มมากขึ้น และมีโอกาสเป็นไปได้ที่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับลดประมาณการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้ลง จากเดิมที่คาดไว้ 4.1 เปอร์เซ็นต์ ส่วนจะส่งผลกระทบต่อจีดีพีปีหน้าหรือไม่นั้น คงต้องขึ้นอยู่กับมาตรการฟื้นฟูหลังจากน้ำลดด้วยว่าจะทำได้รวดเร็วมากน้อยเพียงใด