ทิศทางค่าเงินบาท คาดอยู่ในกรอบ 30.80-31.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ

เงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบ 1 ปี ก่อนพลิกกลับมาแข็งค่าอย่างมากช่วงท้ายสัปดาห์ โดยเงินบาทร่วงแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 1 ปีในช่วงต้นสัปดาห์ โดยถูกกดดันจากกระแสการขายสินทรัพย์เสี่ยงท่ามกลางสัญญาณด้านลบจากวิกฤตหนี้ของยุโรป (ฐานะการคลังที่ย่ำแย่ของกรีซ และการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารบางแห่งในยุโรป) อย่างไรก็ดี เงินบาทดีดตัวกลับมาแข็งค่าขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยหักล้างช่วงติดลบลงทั้งหมด หลังจากที่นักลงทุนต่างชาติทยอยกลับเข้าซื้อสุทธิหุ้นไทยท่ามกลางความคาดหวังมากขึ้นว่า ทางการยุโรปกำลังพยายามควบคุมวิกฤตหนี้ และปกป้องภาคการเงินของยุโรป นอกจากนี้ เงินบาทยังมีปัจจัยบวกจากทิศทางการแข็งค่าของสกุลเงินในภูมิภาคอีกด้วย
ในวันศุกร์ (7 ต.ค.) เงินบาทปิดตลาดที่ 30.98 จากระดับ 31.07 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (30 ก.ย.) สำหรับแนวโน้มสัปดาห์นี้ (10-14 ตุลาคม 2554) เงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ 30.80-31.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยคงต้องจับตาการตอบรับของตลาดการเงินในช่วงต้นสัปดาห์หลังการรายงานตัวเลขตลาดแรงงานสหรัฐฯ การหารือระหว่างเยอรมนี-ฝรั่งเศสในช่วงวันที่ 9 ต.ค. ผลการลงมติการมอบอำนาจเพิ่มเติมให้แก่กองทุน EFSF ของมอลตาและสโลวาเกีย การประชุมระดับรัฐมนตรีคลังของกลุ่ม G-20 รวมถึงการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภครายงานโดยรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน (เบื้องต้น) เดือนต.ค. ยอดค้าปลีกเดือนก.ย. ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศ สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนส.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และบันทึกการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 20-21 ก.ย.ที่ผ่านมา