หนังสือด่วนที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง.ส่งถึงนายกรัฐมนตรีวันนี้ มีรายละเอียดเสนอให้ปรับแก้เนื้อหาใน พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 เนื่องจากมีข้อบกพร่องหลายประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการตรวจสอบ กสทช.และคณะกรรมการดูแลเงินกองทุน ที่จะจัดตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ.
นายศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส รักษาการผู้ว่า สตง.ระบุว่า ผลการศึกษาของ สตง.เห็นว่า เนื้อหาใน พ.ร.บ.ระบุให้นำรายได้จากการประมูลคลื่นความถี่ส่งเข้ากองทุน แต่ไม่ได้ระบุว่าจะต้องนำเงินส่งแผ่นดิน ซึ่งจะทำให้มีปริมาณเงินจำนวนมากอยู่ในกองทุน จึงอาจมีความเสี่ยงต่อการบริหารจัดการที่ไม่โปร่งใส และนำเงินใช้ประโยชน์อย่างไม่คุ้มค่า เนื่องจากให้อำนาจกับคณะกรรมการทั้ง 2 ชุดมากเกินไป และไม่มีการถ่วงดุลอำนาจ
ทั้งนี้ สตง.ไม่ได้มีเจตนาล้มการคัดเลือก กสทช.ที่ได้ผู้เหมาะสมมาแล้ว 11 คน แต่ต้องการเพียงให้นายกรัฐมนตรี เสนอแก้กฎหมายในขั้นตอนของการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อจะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศจากอุตสาหกรรมสื่อ และโทรคมนาคมที่มีมูลค่านับแสนล้านบาท
นายศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส รักษาการผู้ว่า สตง.ระบุว่า ผลการศึกษาของ สตง.เห็นว่า เนื้อหาใน พ.ร.บ.ระบุให้นำรายได้จากการประมูลคลื่นความถี่ส่งเข้ากองทุน แต่ไม่ได้ระบุว่าจะต้องนำเงินส่งแผ่นดิน ซึ่งจะทำให้มีปริมาณเงินจำนวนมากอยู่ในกองทุน จึงอาจมีความเสี่ยงต่อการบริหารจัดการที่ไม่โปร่งใส และนำเงินใช้ประโยชน์อย่างไม่คุ้มค่า เนื่องจากให้อำนาจกับคณะกรรมการทั้ง 2 ชุดมากเกินไป และไม่มีการถ่วงดุลอำนาจ
ทั้งนี้ สตง.ไม่ได้มีเจตนาล้มการคัดเลือก กสทช.ที่ได้ผู้เหมาะสมมาแล้ว 11 คน แต่ต้องการเพียงให้นายกรัฐมนตรี เสนอแก้กฎหมายในขั้นตอนของการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อจะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศจากอุตสาหกรรมสื่อ และโทรคมนาคมที่มีมูลค่านับแสนล้านบาท
