ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินภาวะอุทกภัยในปี 2554 ว่า มีแนวโน้มรุนแรงและขยายวงกว้างกว่าปี 2553 โดยเฉพาะผลกระทบต่อภาคเกษตรกรรมสูงกว่าอย่างชัดเจน เนื่องจากน้ำท่วมในปี 2554 เกิดตั้งแต่เดือนสิงหาคม เร็วกว่าน้ำท่วมเดือนกันยายนในปี 2553 นอกจากนี้ประเทศไทยยังมีความเสี่ยงจะเผชิญกับพายุโซนร้อนที่มักจะมาในเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน ซึ่งอาจจะสร้างความเสียหายต่อภาคเกษตรกรรมมากขึ้น โดยเฉพาะข้างนาปรังรอบ 2 ในหลายจังหวัด และบางพื้นที่อาจเกิดอุทกภัยรอบ 2 ในปีนี้
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินความเสียหายอุทกภัยของปี 2554 ต่อภาคเกษตรกรรมว่าอาจสูงถึง 20,000 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าปี 2553 ที่ถือเป็นปีที่เกิดความเสียหายจากอุทกภัยสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 16,000 ล้านบาท ส่วนภาคเกษตรกรรมที่เสียหายตอนนี้ประเมินพื้นที่ได้ประมาณ 12 ล้านไร่ ซึ่งมากกว่าพื้นที่ของปี 2553 ทั้งปีที่ 11 ล้านไร่ ความเสียหายของภาคเกษตรน่าจะอยู่ที่ร้อยละ 2.6 ของภาคเกษตรในไตรมาสที่ 3 ของปี 2554 พืชที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ ข้าว
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินความเสียหายอุทกภัยของปี 2554 ต่อภาคเกษตรกรรมว่าอาจสูงถึง 20,000 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าปี 2553 ที่ถือเป็นปีที่เกิดความเสียหายจากอุทกภัยสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 16,000 ล้านบาท ส่วนภาคเกษตรกรรมที่เสียหายตอนนี้ประเมินพื้นที่ได้ประมาณ 12 ล้านไร่ ซึ่งมากกว่าพื้นที่ของปี 2553 ทั้งปีที่ 11 ล้านไร่ ความเสียหายของภาคเกษตรน่าจะอยู่ที่ร้อยละ 2.6 ของภาคเกษตรในไตรมาสที่ 3 ของปี 2554 พืชที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ ข้าว
