ดัชนี SET ปรับตัวลดลง จากแรงขายต่างชาติ ท่ามความกังวลต่อปัญหาหนี้ยูโรโซน โดยดัชนีปิดที่ระดับ 1,062.37 จุด ลดลง 0.26% จากสัปดาห์ก่อน ด้านมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันลดลง 10.02% จากสัปดาห์ก่อน มาอยู่ที่ 24,156.99 ล้านบาท โดยนักลงทุนรายย่อย และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ ขณะที่ นักลงทุนต่างชาติ และนักลงทุนสถาบัน ขายสุทธิ ส่วนตลาดหลักทรัพย์ MAI ปิดที่ 298.14 จุด ลดลง 0.01% จากสัปดาห์ก่อน
ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงในวันจันทร์ โดยมีแรงขายในหุ้นขนาดใหญ่ จากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ก่อนที่ดัชนีจะปรับตัวขึ้นช่วงกลางสัปดาห์ โดยปรับขึ้นตามตลาดต่างประเทศ หลังศาลเยอรมนีประกาศยกฟ้องคดีเงินสมทบกองทุนช่วยเหลือทางการเงินแก่กรีซ และแรงซื้อเก็งกำไรในแผนการจ้างงานของประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี ดัชนีปรับลดลงในวันศุกร์ หลังนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ไม่ได้บ่งชี้ถึงมาตรการใหม่ๆ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ
สำหรับแนวโน้มสัปดาห์ระหว่างวันที่ 12-16 ก.ย. 2554 บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด และบริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีอาจยังคงผันผวน และมีโอกาสปรับฐาน โดยจะต้องติดตามสถานการณ์หนี้ยุโรปอย่างใกล้ชิด ซึ่งรวมถึงการประมูลพันธบัตรอิตาลีในวันที่ 12 ก.ย. นอกจากนี้ ปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ รายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ อาทิ ดัชนีราคาผู้บริโภค ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และความเชื่อมั่นผู้บริโภค ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจจีน ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด คาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 1,055 และ 1,040 ขณะที่แนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 1,077 และ 1,084 จุด ตามลำดับ
ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงในวันจันทร์ โดยมีแรงขายในหุ้นขนาดใหญ่ จากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ก่อนที่ดัชนีจะปรับตัวขึ้นช่วงกลางสัปดาห์ โดยปรับขึ้นตามตลาดต่างประเทศ หลังศาลเยอรมนีประกาศยกฟ้องคดีเงินสมทบกองทุนช่วยเหลือทางการเงินแก่กรีซ และแรงซื้อเก็งกำไรในแผนการจ้างงานของประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี ดัชนีปรับลดลงในวันศุกร์ หลังนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ไม่ได้บ่งชี้ถึงมาตรการใหม่ๆ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ
สำหรับแนวโน้มสัปดาห์ระหว่างวันที่ 12-16 ก.ย. 2554 บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด และบริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีอาจยังคงผันผวน และมีโอกาสปรับฐาน โดยจะต้องติดตามสถานการณ์หนี้ยุโรปอย่างใกล้ชิด ซึ่งรวมถึงการประมูลพันธบัตรอิตาลีในวันที่ 12 ก.ย. นอกจากนี้ ปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ รายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ อาทิ ดัชนีราคาผู้บริโภค ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และความเชื่อมั่นผู้บริโภค ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจจีน ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด คาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 1,055 และ 1,040 ขณะที่แนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 1,077 และ 1,084 จุด ตามลำดับ