นางสาวกอบสุข เอี่ยมสุรีย์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ระบุว่า การเปิดรับจำนำข้าวเปลือกเจ้า และข้าวหอมมะลิที่ตันละ 15,000-20,000 บาท ที่รัฐบาลจะเริ่มต้นโครงการในวันที่ 7 ตุลาคมนี้ ส่งผลให้ขณะนี้ราคาข้าวในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะข้าวขาว 5 เปอร์เซ็นต์
นางสาวกอบสุข ระบุว่า หากราคารับซื้อข้าวเปลือกในท้องตลาดอยู่ที่ตันละ15,000 บาท จะส่งผลให้ราคาข้าวขาว 5 เปอร์เซ็นต์ ปรับขึ้นจากตันละ 580 ดอลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ 800 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือมากกว่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นการปรับในอัตราที่สูงมาก และอาจจะส่งผลให้การส่งออกหยุดชะงัก โดยขณะนี้ผู้ซื้อข้าวจากต่างประเทศเองเริ่มจะชะลอคำสั่งซื้อแล้ว ขณะเดียวกันอาจส่งผลให้การส่งข้าวในปีหน้าลดลงจากปีนี้ที่อยู่ที่ประมาณ 10-11 ล้านตัน โดยข้าวขาวจะลดลงประมาณ 2 ล้านตัน ส่วนข้าวขาวหอมมะลิจะลดลง 1 ล้านตัน ส่วนข้าวนึ่งซึ่งเป็นสินค้าที่ไทยทำตลาดได้ดีมาโดยตลอดจะต้องไปจับตาตลาดอินเดีย ทั้งนี้หากการส่งออกข้าวลดลงมาก เชื่อว่ารัฐบาลอาจต้องทบทวนเรื่องการระบายข้าวในสต๊อก
นอกจากนี้ ยังกล่าวต่อไปว่า แม้นโยบายรับจำนำจะช่วยดึงราคาข้าวในตลาดโลก แต่จะทำให้ประเทศอื่นได้รับประโยชน์ เพราะไทยไม่ใช่เจ้าตลาดเพียงรายเดียว เมื่อคู่แข่งขายต่ำกว่าตันละ 20-30 ดอลลาร์สหรัฐฯ จะทำให้ขายข้าวได้ก่อน ส่วนไทยจะขายข้าวได้ยากขึ้น
นางสาวกอบสุข ระบุว่า หากราคารับซื้อข้าวเปลือกในท้องตลาดอยู่ที่ตันละ15,000 บาท จะส่งผลให้ราคาข้าวขาว 5 เปอร์เซ็นต์ ปรับขึ้นจากตันละ 580 ดอลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ 800 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือมากกว่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นการปรับในอัตราที่สูงมาก และอาจจะส่งผลให้การส่งออกหยุดชะงัก โดยขณะนี้ผู้ซื้อข้าวจากต่างประเทศเองเริ่มจะชะลอคำสั่งซื้อแล้ว ขณะเดียวกันอาจส่งผลให้การส่งข้าวในปีหน้าลดลงจากปีนี้ที่อยู่ที่ประมาณ 10-11 ล้านตัน โดยข้าวขาวจะลดลงประมาณ 2 ล้านตัน ส่วนข้าวขาวหอมมะลิจะลดลง 1 ล้านตัน ส่วนข้าวนึ่งซึ่งเป็นสินค้าที่ไทยทำตลาดได้ดีมาโดยตลอดจะต้องไปจับตาตลาดอินเดีย ทั้งนี้หากการส่งออกข้าวลดลงมาก เชื่อว่ารัฐบาลอาจต้องทบทวนเรื่องการระบายข้าวในสต๊อก
นอกจากนี้ ยังกล่าวต่อไปว่า แม้นโยบายรับจำนำจะช่วยดึงราคาข้าวในตลาดโลก แต่จะทำให้ประเทศอื่นได้รับประโยชน์ เพราะไทยไม่ใช่เจ้าตลาดเพียงรายเดียว เมื่อคู่แข่งขายต่ำกว่าตันละ 20-30 ดอลลาร์สหรัฐฯ จะทำให้ขายข้าวได้ก่อน ส่วนไทยจะขายข้าวได้ยากขึ้น
