ประธานธนาคารโลก รอเบิร์ต เซลลิก กล่าวในวันจันทร์(5) เรียกร้องให้จีนดำเนินการปรับสมดุลเศรษฐกิจของตนเสียใหม่จากที่เคยมุ่งอาศัยการส่งออกเป็นตัวขับเคลื่อน โดยหันมาเน้นอุปสงค์ภายในประเทศให้มากขึ้น ขณะเดียวกันเขาก็เห็นด้วยว่าการสยบอัตราเงินเฟ้อที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ยังคงเป็นปัญหาท้าทายที่สำคัญที่สุดในเฉพาะหน้านี้ของแดนมังกร
ในการแถลงต่อผู้สื่อข่าวที่กรุงปักกิ่งตอนช่วงท้ายของการเดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการ 5 วันของเขา ประธานเวิลด์แบงก์ชาวอเมริกันผู้นี้บอกว่า เขามองไม่เห็นว่าจีนจะยังคงพึ่งพาอาศัยการส่งออกและการลงทุนเป็นตัวนำขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไปอีกได้อย่างไรในช่วงระยะเวลา 10 ปีข้างหน้า
เซลลิกกล่าวต่อไปว่า ยิ่งถ้าพวกประเทศพัฒนาแล้วรายใหญ่ๆ ประสบความลำบากในการฟื้นฟูให้เศรษฐกิจของพวกตนเจริญเติบโตขึ้นมาใหม่ด้วยแล้ว ก็ยิ่งเห็นชัดเจนขึ้นอีกว่าจีนจำเป็นที่จะต้องหันมาปรับสมดุลเศรษฐกิจของตนเองเสียใหม่ ด้วยการพึ่งพาอุปสงค์ภายในประเทศให้มากขึ้น และกระตุ้นการบริโภคในประเทศให้สูงขึ้น
เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ธนาคารโลกได้จัดชั้นจีนเสียใหม่โดยยกระดับให้อยู่ในกลุ่มเศรษฐกิจที่มีรายได้ปานกลางค่อนข้างสูง และเซลลิกระบุว่าพวกประเทศที่อยู่ในกลุ่มนี้ จำเป็นที่จะต้องก้าวออกมาจากโมเดลการเจริญเติบโตที่พวกเขาเคยพึ่งพาอาศัยเมื่อตอนที่ยังมีฐานะยากจนอยู่
เกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อนั้น เซลลิกเห็นด้วยกับพวกผู้นำจีนที่มองว่า ยังถือเป็นปัญหาท้าทายอันใหญ่โตที่สุดของจีนในช่วงระยะสั้น แต่เขาก็เห็นว่ามาตรการต่างๆ ที่แดนมังกรนำมาใช้เพื่อสกัดระดับราคาไม่ให้พุ่งต่อไปนั้น ดูจะได้ผลดี
ในการแถลงต่อผู้สื่อข่าวที่กรุงปักกิ่งตอนช่วงท้ายของการเดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการ 5 วันของเขา ประธานเวิลด์แบงก์ชาวอเมริกันผู้นี้บอกว่า เขามองไม่เห็นว่าจีนจะยังคงพึ่งพาอาศัยการส่งออกและการลงทุนเป็นตัวนำขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไปอีกได้อย่างไรในช่วงระยะเวลา 10 ปีข้างหน้า
เซลลิกกล่าวต่อไปว่า ยิ่งถ้าพวกประเทศพัฒนาแล้วรายใหญ่ๆ ประสบความลำบากในการฟื้นฟูให้เศรษฐกิจของพวกตนเจริญเติบโตขึ้นมาใหม่ด้วยแล้ว ก็ยิ่งเห็นชัดเจนขึ้นอีกว่าจีนจำเป็นที่จะต้องหันมาปรับสมดุลเศรษฐกิจของตนเองเสียใหม่ ด้วยการพึ่งพาอุปสงค์ภายในประเทศให้มากขึ้น และกระตุ้นการบริโภคในประเทศให้สูงขึ้น
เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ธนาคารโลกได้จัดชั้นจีนเสียใหม่โดยยกระดับให้อยู่ในกลุ่มเศรษฐกิจที่มีรายได้ปานกลางค่อนข้างสูง และเซลลิกระบุว่าพวกประเทศที่อยู่ในกลุ่มนี้ จำเป็นที่จะต้องก้าวออกมาจากโมเดลการเจริญเติบโตที่พวกเขาเคยพึ่งพาอาศัยเมื่อตอนที่ยังมีฐานะยากจนอยู่
เกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อนั้น เซลลิกเห็นด้วยกับพวกผู้นำจีนที่มองว่า ยังถือเป็นปัญหาท้าทายอันใหญ่โตที่สุดของจีนในช่วงระยะสั้น แต่เขาก็เห็นว่ามาตรการต่างๆ ที่แดนมังกรนำมาใช้เพื่อสกัดระดับราคาไม่ให้พุ่งต่อไปนั้น ดูจะได้ผลดี