นายฉัตรชัย ชูแก้ว ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการที่นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นำคณะผู้แทนไทยเดินทางไปสหพันธรัฐรัสเซีย เพื่อลงนามในพิธีสารความตกลงการชำระหนี้ค่าข้าวระหว่างไทยกับรัสเซีย ณ กรุงมอสโก เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2554 ซึ่งสหพันธรัฐรัสเซีย ต้องชำระเงินให้แก่ไทยจำนวน 36,441,731.98 ดอลลาร์สหรัฐฯ กระทรวงพาณิชย์ ได้ประสานกับธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย เพื่อให้การรับชำระเงิน เป็นไปตามกำหนดดังกล่าว ได้รับแจ้งว่า รัฐบาลรัสเซียได้โอนเงินชำระหนี้ค่าข้าวให้ประเทศไทยแล้ว เมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ได้คำนวณเงินที่ได้รับเป็นเงินบาท และโอนให้กระทรวงพาณิชย์เป็นเงินสุทธิจำนวน 1,107,828,552.19 บาท ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ จะโอนให้กระทรวงการคลังในสัปดาห์หน้า
สำหรับหนี้ค่าข้าวเกิดขึ้นในปี 2533 รัสเซียขอซื้อข้าวจากไทยจำนวน 2 แสนตัน เป็นเงินเชื่อชำระภายใน 2 ปี หรือเดือนมีนาคม 2536 ดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปี มูลค่า 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กระทรวงพาณิชย์ ได้ส่งมอบข้าวให้เดือนมกราคม 2534 แต่ปรากฏว่าเมื่อผ่อนชำระได้ 3.4 ล้านดอลล่าร์สหภาพโซเวียตล่มสลาย แต่รัสเซียพยายามชำระหนี้ให้โดยทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ ในปี 2537 และผ่อนชำระรวมเป็นเงิน 39.53 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากนั้น รัสเซียประสบปัญหาทางการเงินจึงหยุดชำระหนี้ ไทยจึงได้เจรจาปรับโครงสร้างหนี้อีกครั้ง ในปี 2546 โดยให้รัสเซียจ่ายเงินต้น 36.44 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และดอกเบี้ยร้อยละ 2.5 ต่อปี ล่าสุดเมื่อปลายปี 2553 คณะรัฐมนตรี (ครม.)ได้อนุมัติแนวทางรับชำระหนี้ข้าวรัสเซียเป็นเงินสด โดยไม่คิดดอกเบี้ย และกระทรวงพาณิชย์ ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2553 โดยได้เดินทางไปเจรจากับรัสเซีย และมีการสานต่อจนได้คืนหนี้ข้าวในที่สุด
สำหรับหนี้ค่าข้าวเกิดขึ้นในปี 2533 รัสเซียขอซื้อข้าวจากไทยจำนวน 2 แสนตัน เป็นเงินเชื่อชำระภายใน 2 ปี หรือเดือนมีนาคม 2536 ดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปี มูลค่า 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กระทรวงพาณิชย์ ได้ส่งมอบข้าวให้เดือนมกราคม 2534 แต่ปรากฏว่าเมื่อผ่อนชำระได้ 3.4 ล้านดอลล่าร์สหภาพโซเวียตล่มสลาย แต่รัสเซียพยายามชำระหนี้ให้โดยทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ ในปี 2537 และผ่อนชำระรวมเป็นเงิน 39.53 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากนั้น รัสเซียประสบปัญหาทางการเงินจึงหยุดชำระหนี้ ไทยจึงได้เจรจาปรับโครงสร้างหนี้อีกครั้ง ในปี 2546 โดยให้รัสเซียจ่ายเงินต้น 36.44 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และดอกเบี้ยร้อยละ 2.5 ต่อปี ล่าสุดเมื่อปลายปี 2553 คณะรัฐมนตรี (ครม.)ได้อนุมัติแนวทางรับชำระหนี้ข้าวรัสเซียเป็นเงินสด โดยไม่คิดดอกเบี้ย และกระทรวงพาณิชย์ ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2553 โดยได้เดินทางไปเจรจากับรัสเซีย และมีการสานต่อจนได้คืนหนี้ข้าวในที่สุด