กระทรวงการคลัง เปิดตัวกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ภายใต้สโลแกน "เกษียณสุขใจ มีบำนาญใช้กับ กอช." มุ่งหวังให้ประชาชนเข้าถึงช่องทางการออมเงินที่เหมาะสม และสร้างหลักประกันทางสังคมแก่ประชาชนอย่างทั่วถึง
โดยนายนริศ ชัยสูตร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ กล่าวว่า กองทุนนี้ตั้งขึ้นสำหรับผู้ที่ยังไม่มีหลักประกันทางสังคมเพื่อการชราภาพ เพื่อให้มีรายได้หลังเกษียณในรูปบำนาญ โดยจะเริ่มเปิดรับสมาชิกตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2555 เป็นต้นไป
นายอารีพงศ์ ภู่ชะอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ประชากรวัยแรงงานอีก 35 ล้านคน หรือร้อยละ 53 ของประชากรทั้งประเทศ ยังไม่มีหลักประกันทางสังคมเพื่อการชราภาพ จึงได้จัดตั้งกองทุนการออมแห่งชาติขึ้น เพื่อเป็นช่องทางการออมเงิน โดยผู้สมัครจะต้องมีสัญชาติไทย อายุ 15-60 ปี ไม่เป็นสมาชิกกองทุนอื่นใดที่ได้รับเงินสมทบจากรัฐหรือนายจ้าง และไม่ได้อยู่ในระบบบำเหน็จบำนาญภาครัฐหรือเอกชน ซึ่งรัฐบาลจะให้เงินสมทบตามช่วงอายุของสมาชิก
สำหรับประโยชน์ตอบแทนที่สมาชิกจะได้รับ สมาชิกจะได้รับบำนาญรายเดือนจนตลอดชีวิตเมื่อสมาชิกอายุครบ 60 ปีเป็นต้นไป และมีเงินออมที่มากพอ ซึ่งสมาชิกที่ออมมาก จะได้รับบำนาญมากตามไปด้วย และในกรณีที่สมาชิกทุพพลภาพก่อนอายุครบ 60 ปี จะมีสิทธินำเงินออมของตนออกมาใช้ก่อนได้ หรือหากสมาชิกเสียชีวิตจะมีเงินให้ทายาทอีกก้อนหนึ่ง ส่วนกรณีมีความจำเป็นต้องลาออกจากกองทุน จะได้รับคืนเฉพาะเงินที่ได้ออมไว้ โดยไม่รวมเงินสมทบ แต่สามารถกลับเข้ามาเป็นสมาชิกได้อีก
โดยนายนริศ ชัยสูตร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ กล่าวว่า กองทุนนี้ตั้งขึ้นสำหรับผู้ที่ยังไม่มีหลักประกันทางสังคมเพื่อการชราภาพ เพื่อให้มีรายได้หลังเกษียณในรูปบำนาญ โดยจะเริ่มเปิดรับสมาชิกตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2555 เป็นต้นไป
นายอารีพงศ์ ภู่ชะอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ประชากรวัยแรงงานอีก 35 ล้านคน หรือร้อยละ 53 ของประชากรทั้งประเทศ ยังไม่มีหลักประกันทางสังคมเพื่อการชราภาพ จึงได้จัดตั้งกองทุนการออมแห่งชาติขึ้น เพื่อเป็นช่องทางการออมเงิน โดยผู้สมัครจะต้องมีสัญชาติไทย อายุ 15-60 ปี ไม่เป็นสมาชิกกองทุนอื่นใดที่ได้รับเงินสมทบจากรัฐหรือนายจ้าง และไม่ได้อยู่ในระบบบำเหน็จบำนาญภาครัฐหรือเอกชน ซึ่งรัฐบาลจะให้เงินสมทบตามช่วงอายุของสมาชิก
สำหรับประโยชน์ตอบแทนที่สมาชิกจะได้รับ สมาชิกจะได้รับบำนาญรายเดือนจนตลอดชีวิตเมื่อสมาชิกอายุครบ 60 ปีเป็นต้นไป และมีเงินออมที่มากพอ ซึ่งสมาชิกที่ออมมาก จะได้รับบำนาญมากตามไปด้วย และในกรณีที่สมาชิกทุพพลภาพก่อนอายุครบ 60 ปี จะมีสิทธินำเงินออมของตนออกมาใช้ก่อนได้ หรือหากสมาชิกเสียชีวิตจะมีเงินให้ทายาทอีกก้อนหนึ่ง ส่วนกรณีมีความจำเป็นต้องลาออกจากกองทุน จะได้รับคืนเฉพาะเงินที่ได้ออมไว้ โดยไม่รวมเงินสมทบ แต่สามารถกลับเข้ามาเป็นสมาชิกได้อีก