นายอิทธิพันธ์ ขาวละมัย ประชาสัมพันธ์สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยกรณีที่ ประเทศไทยประกาศถอนตัวจากภาคีมรดกโลกว่า เรื่องที่เกิดขึ้น นายสุวิทย์ คุณกิตติ ทำถูกต้อง เพราะเป็นเรื่องของการเมือง และความมั่นคงระดับประเทศ ซึ่งคณะผู้เจรจาของไทย เห็นสมควรแล้วว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ไทยควรถอนตัวจากภาคีมรดกโลก และการถอนตัวครั้งนี้ไม่กระทบเมืองท่องเที่ยวอย่าง มรดกโลกอยุธยา เพราะขึ้นทะเบียนนานแล้ว และจะไม่ถูกถอดถอนจากมรดกโลกแน่นอน นอกจากนี้ยังเชื่อว่า เรื่องดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดในฐานะเมืองมรดกโลก เพราะประเทศไทยและ จ.พระนครศรีอยุธยา มีจุดขายด้านการท่องเที่ยวดีอยู่แล้ว
ด้าน นายจิระพันธุ์ พิมพ์พันธ์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยเฉพาะโบราณสถานเป็นจุดขายที่สำคัญของจังหวัด ถือว่าเป็นจุดดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาท่องเที่ยว แต่การได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นเมืองมรดกโลก จากยูเนสโก ถือเป็นความภาคภูมิใจที่ต่างชาติให้การยอมรับ แต่ถ้าประเทศไทยและพระนครศรีอยุธยา ไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกถือว่าไม่แปลก เพราะโบราณสถานอยุธยา คนอยุธยาช่วยดูแลดีอยู่แล้ว เมื่อเทียบกับการได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากยูเนสโกมากนัก
ข้อมูลจากสำนักงานศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา ระบุว่า ก่อนหน้านี้ จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากยูเนสโก เพียงครั้งเดียว คือ บริเวณวัดปราสาท ซึ่งตั้งอยู่ภายในเขตโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา เพราะถูกน้ำท่วมหนัก เมื่อปี 2538 แต่งบประมาณครั้งนั้นไม่ได้รับมากนัก ซึ่งประเทศไทยต้องใช้งบประมาณของตัวเองเป็นหลักในการบำรุงรักษา นอกจากนี้ยังพบว่า ที่ผ่านมา ความเป็นเมืองมรดกโลกของพระนครศรีอยุธยา มีเพียงรัฐบาลที่อนุมัติงบประมาณให้กรมศิลปากร เป็นผู้ดูแลเมืองมรดกโลก ยูเนสโกไม่ได้จัดสรรงบมาให้
ด้าน นายจิระพันธุ์ พิมพ์พันธ์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยเฉพาะโบราณสถานเป็นจุดขายที่สำคัญของจังหวัด ถือว่าเป็นจุดดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาท่องเที่ยว แต่การได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นเมืองมรดกโลก จากยูเนสโก ถือเป็นความภาคภูมิใจที่ต่างชาติให้การยอมรับ แต่ถ้าประเทศไทยและพระนครศรีอยุธยา ไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกถือว่าไม่แปลก เพราะโบราณสถานอยุธยา คนอยุธยาช่วยดูแลดีอยู่แล้ว เมื่อเทียบกับการได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากยูเนสโกมากนัก
ข้อมูลจากสำนักงานศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา ระบุว่า ก่อนหน้านี้ จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากยูเนสโก เพียงครั้งเดียว คือ บริเวณวัดปราสาท ซึ่งตั้งอยู่ภายในเขตโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา เพราะถูกน้ำท่วมหนัก เมื่อปี 2538 แต่งบประมาณครั้งนั้นไม่ได้รับมากนัก ซึ่งประเทศไทยต้องใช้งบประมาณของตัวเองเป็นหลักในการบำรุงรักษา นอกจากนี้ยังพบว่า ที่ผ่านมา ความเป็นเมืองมรดกโลกของพระนครศรีอยุธยา มีเพียงรัฐบาลที่อนุมัติงบประมาณให้กรมศิลปากร เป็นผู้ดูแลเมืองมรดกโลก ยูเนสโกไม่ได้จัดสรรงบมาให้
