หลังจากตัวแทนบริษัท ทรูมูฟ จำกัด เข้าแจ้งความตำรวจกองปราบปราม ให้ตรวจสอบ บริษัท โทเทิ่ลแอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือ ดีแทค ว่าเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจคนต่างด้าว พ.ศ.2542 หรือไม่ เมื่อวานนี้
วันนี้ พ.ต.ท.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พนักงานสอบสวน เจ้าของคดี กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างรอหลักฐานเพิ่มเติมจากตัวแทนบริษัททรูมูฟ คาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะนำมามอบให้ โดยหลักฐานที่ได้รับขณะนี้ เป็นข้อมูลของคณะกรรมาธิการการสื่อสารและโทรคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร ที่ระบุว่า เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2554 บริษัทดีแทค เป็นบริษัทต่างด้าว เนื่องจากสัดส่วนการถือหุ้นของคนไทย มีเพียง 28.68 เปอร์เซ็นต์ และต่างด้าวถือหุ้น 71.35 เปอร์เซ็นต์ ก่อนนำมาพิจารณาว่าเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจคนต่างด้าว หรือไม่ หลังจากนั้นจะนำหลักฐาน และผลการสอบสวน ส่งต่อให้ผู้บังคับการกองปราบปราม พิจารณาว่ามีความผิดเข้าข่าย พ.ร.บ.หรือไม่ หากเข้าข่ายความผิด จะส่งต่อให้ตำรวจกองปราบปราม การกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ ปอศ. ต่อไป
วันนี้ พ.ต.ท.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พนักงานสอบสวน เจ้าของคดี กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างรอหลักฐานเพิ่มเติมจากตัวแทนบริษัททรูมูฟ คาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะนำมามอบให้ โดยหลักฐานที่ได้รับขณะนี้ เป็นข้อมูลของคณะกรรมาธิการการสื่อสารและโทรคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร ที่ระบุว่า เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2554 บริษัทดีแทค เป็นบริษัทต่างด้าว เนื่องจากสัดส่วนการถือหุ้นของคนไทย มีเพียง 28.68 เปอร์เซ็นต์ และต่างด้าวถือหุ้น 71.35 เปอร์เซ็นต์ ก่อนนำมาพิจารณาว่าเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจคนต่างด้าว หรือไม่ หลังจากนั้นจะนำหลักฐาน และผลการสอบสวน ส่งต่อให้ผู้บังคับการกองปราบปราม พิจารณาว่ามีความผิดเข้าข่าย พ.ร.บ.หรือไม่ หากเข้าข่ายความผิด จะส่งต่อให้ตำรวจกองปราบปราม การกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ ปอศ. ต่อไป
