นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า จากการหารือร่วมกับสมาคมผู้เลี้ยงไก่เนื้อ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถึงสถานการณ์ผลผลิตและราคาไก่เนื้อที่เพิ่มสูงขึ้นในขณะนี้ มาจากต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้นจากปริมาณผลผลิตที่ลดลง รวมทั้งวัตถุดิบอาหารสัตว์มีราคาแพง เบื้องต้นกรมการค้าภายในได้ขอความร่วมมือให้ตรึงราคาเนื้อไก่ออกไปอีกระยะ เพราะขณะนี้ราคาเพิ่มสูงจากปีก่อนร้อยละ 17 โดยจากการตรวจสอบภาวะต้นทุนอย่างละเอียด จึงเห็นว่าราคาจำหน่ายที่เหมาะสมในส่วนของ ไก่มีชีวิตหน้าฟาร์ม ในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล และภาคกลางควรจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 55 บาท ภาคเหนือบวกเพิ่มอีก 2 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบวก 3 บาท และภาคใต้บวกไปอีก 5 บาท ตามระยะทาง ขณะที่ไก่ปั่นขนขายปลีกไม่เกินกิโลกรัมละ 70 บาท ขายส่งไม่เกินกิโลกรัมละ 65 บาท ส่วนไก่ล้วงเอาเครื่องในออกแล้ว ขายปลีกไม่เกินกิโลกรัมละ 75 บาท ขายส่งไม่เกินกิโลกรัมละ 70 บาท ส่วนไก่เนื้อส่วนสะโพกและอก ในเขตกรุงเทพมหานคร ขายปลีกไม่เกินกิโลกรัมละ 85-92 บาท ขายส่งไม่เกินกิโลกรัมละ 80-86 บาท โดยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้บวกเพิ่มตามลำดับดังกล่าว ซึ่งกรมการค้าภายในจะออกประกาศราคาขายปลีกแนะนำมีผลตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (25 พ.ค.) เพื่อเป็นแนวทางการกำหนดราคาจำหน่ายปลีกในแต่ละพื้นที่ด้วย
อธิบดีกรมการค้าภายใน คาดว่าอีก 2 เดือน สถานการณ์จะดีขึ้นจากสภาพอากาศที่เย็นลง เพราะเป็นช่วงที่ฝนตกชุก อาหารตามธรรมชาติก็จะมีมากขึ้น ความต้องการบริโภคคงเริ่มจะชะลอตัวลง ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นจะมีการทบทวนราคาแนะนำอีกครั้ง นอกจากนี้ยังได้ขอความร่วมมือผู้เลี้ยงให้จำหน่ายไก่ภายในประเทศมากขึ้นเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการแต่ยังส่งออกได้ตามปกติ
อธิบดีกรมการค้าภายใน คาดว่าอีก 2 เดือน สถานการณ์จะดีขึ้นจากสภาพอากาศที่เย็นลง เพราะเป็นช่วงที่ฝนตกชุก อาหารตามธรรมชาติก็จะมีมากขึ้น ความต้องการบริโภคคงเริ่มจะชะลอตัวลง ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นจะมีการทบทวนราคาแนะนำอีกครั้ง นอกจากนี้ยังได้ขอความร่วมมือผู้เลี้ยงให้จำหน่ายไก่ภายในประเทศมากขึ้นเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการแต่ยังส่งออกได้ตามปกติ
