น.ส.นวพร มหารักขกะ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์สถาบันการเงิน สายนโยบายการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การขยายตัวของสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 1 ปี 2554 เติบโตได้ดี ทั้งสินเชื่อเอสเอ็มอี และธุรกิจขนาดใหญ่ โดยเฉพาะการขยายตัวเพื่อการลงทุน แสดงให้เห็นว่าภาคธุรกิจต้องการเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน สอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจและการส่งออก โดยไตรมาสแรกปีนี้สินเชื่อขยายตัวร้อยละ 13.4 เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4 ปี 2553 ที่ร้อยละ 11.3 โดยสินเชื่อภาคธุรกิจขยายตัวร้อยละ 12.2 ซึ่งเป็นการขยายตัวจากสินเชื่อหมุนเวียนในธุรกิจ และการลงทุนของผู้ประกอบการ ส่วนเรื่องการระดมทุนในไตรมาสแรกประชาชนให้ความสนใจซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินมากขึ้น โดยสัดส่วนการซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 6 เป็นร้อยละ 9
อย่างไรก็ตาม สัดส่วนเงินฝากยังสูงถึงร้อยละ 80-90 ของการระดมทุนของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี ที่ธนาคารพาณิชย์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ สะท้อนให้เห็นว่าธนาคารพาณิชย์ยังให้ความสำคัญกับการระดมทุนผ่านบัญชีเงินฝากของประชาชน
ทั้งนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยเห็นว่า ระบบธนาคารพาณิชย์ยังต้องจับตา และระมัดระวังความเสี่ยงต่างๆ ทั้งการแข่งขันระดมทุนที่สูงขึ้น เนื่องจากการลดการคุ้มครองเงินฝากของาสถาบันการเงินเหลือ 50 ล้านบาทต่อ 1 บัญชี ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 11 สิงหาคม 2554 และการขยายตัวที่เร่งขึ้นของสินเชื่อ ท่ามกลางเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัว
ขณะที่ปัจจัยด้านต่างประเทศ เช่น ความผันผวนของราคาน้ำมัน เงินทุนเคลื่อนย้าย และการผลิตที่ต้องพึ่งพาสินค้าจากประเทศญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม สัดส่วนเงินฝากยังสูงถึงร้อยละ 80-90 ของการระดมทุนของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี ที่ธนาคารพาณิชย์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ สะท้อนให้เห็นว่าธนาคารพาณิชย์ยังให้ความสำคัญกับการระดมทุนผ่านบัญชีเงินฝากของประชาชน
ทั้งนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยเห็นว่า ระบบธนาคารพาณิชย์ยังต้องจับตา และระมัดระวังความเสี่ยงต่างๆ ทั้งการแข่งขันระดมทุนที่สูงขึ้น เนื่องจากการลดการคุ้มครองเงินฝากของาสถาบันการเงินเหลือ 50 ล้านบาทต่อ 1 บัญชี ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 11 สิงหาคม 2554 และการขยายตัวที่เร่งขึ้นของสินเชื่อ ท่ามกลางเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัว
ขณะที่ปัจจัยด้านต่างประเทศ เช่น ความผันผวนของราคาน้ำมัน เงินทุนเคลื่อนย้าย และการผลิตที่ต้องพึ่งพาสินค้าจากประเทศญี่ปุ่น