นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกอภิสิทธิ์ ว่า การดำเนินนโยบายปราบปรามยาเสพติดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้ทำงานอย่างครบวงจรภายใต้นโยบาย 5 รั้ว สามารถจับกุมผู้ค้ารายใหญ่ได้มากขึ้น ตลอดจนแก้ปัญหายาเสพติดในชุมชนตามที่มีการร้องเรียน ซึ่งได้เร่งรัดเป็นการเฉพาะตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา พบว่า ยาเสพติดยังเกี่ยวโยงกับปัญหาอบายมุขอื่น ทั้ง สถานบันเทิง บ่อนการพนัน ตู้ม้า จึงต้องเสริมความเข้มข้นเรื่องรั้วชุมชนให้มากขึ้น แม้จะจับกุมผู้ค้าได้ แต่ผู้เสพยังไม่ได้รับการบำบัดอย่างเข้มข้น จะยังเป็นตลาดรองรับกลุ่มผู้ค้า ทำให้ปัญหาไม่จบ ซึ่งรัฐบาลจะเพิ่มความเข้มข้นขึ้น โดยเฉพาะกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 5 จังหวัด ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ของตลาดยาเสพติดทั้งประเทศ ภายใต้แนวคิดยุทธการ 3-1-5
ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงยุทธการ 3-1-5 ว่า 3 เป็นการปฏิบัติการร่วม 3 ฝ่าย คือ พลเรือน ตำรวจ ทหาร 1 คือ พื้นที่กรุงเทพมหานคร และ 5 คือ 5 จังหวัดปริมณฑล พร้อมกันนี้ได้จัดโครงสร้างใหม่ เพื่อปฏิบัติการเฉพาะกิจอย่างเข้มข้น โดยในกรุงเทพมหานคร สถานีตำรวจนครบาล 88 แห่ง จะมีชุดเคลื่อนที่ 88 ชุด ตรวจสอบพื้นที่ชุมชน สถานบันเทิงทุกวัน ส่วนพื้นที่ที่มีสถานบันเทิงมาก จะมีอีก 28 ชุด เสริมการปฏิบัติงาน นอกจากนี้ ยังมี "ชุดใหญ่" จากกองกำกับการตำรวจนครบาล 9 นครบาล รวม 18 ชุด และมีชุดกลาง อีก 2 ชุด คือ ชุดหาข่าวและเคลื่อนที่เร็วปฏิบัติการพิเศษ ส่วนในพื้นที่ปริมณฑล จะมุ่งเน้นเฉพาะพื้นที่สีแดง รวมใช้กำลังกว่า 2,114 นาย
นายชาติชาย สุทธกลม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงปัญหานักโทษค้ายาเสพติด และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์มีส่วนเกี่ยวข้อง จะทำให้เรือนจำมีความมั่นคงยิ่งขึ้น โดยจะนำเครื่องตัดสัญญาณโทรทัพท์มือถือประมาณ 7-8 แห่งก่อน เพื่อไม่ให้เป็นช่องทางกระทำความผิด ซึ่งเป็นแนวทางที่เหมาะสมและแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
ขณะที่ นางสุรีย์ประภา ตรัยเวช เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า ในช่วงรัฐบาลประกาศนโยบายเร่งรัดปราบปรามยาเสพติด 3 เดือน ป.ป.ส.ได้ยึดอายัดทรัพย์สินผู้กระทำผิดกว่า 500 ราย มูลค่าทรัพย์สิน 250 ล้านบาท และเพื่อให้การปฏิบัติการกวาดล้างมีความคล่องตัว ในการประชุม ป.ป.ส.วันที่ 26 เมษายนนี้ จะเสนอออกบัตรเจ้าหนักงาน ให้เจ้าหน้าที่ที่เป็นทหารหรือพลเรือนประมาณ 200 คน
ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงยุทธการ 3-1-5 ว่า 3 เป็นการปฏิบัติการร่วม 3 ฝ่าย คือ พลเรือน ตำรวจ ทหาร 1 คือ พื้นที่กรุงเทพมหานคร และ 5 คือ 5 จังหวัดปริมณฑล พร้อมกันนี้ได้จัดโครงสร้างใหม่ เพื่อปฏิบัติการเฉพาะกิจอย่างเข้มข้น โดยในกรุงเทพมหานคร สถานีตำรวจนครบาล 88 แห่ง จะมีชุดเคลื่อนที่ 88 ชุด ตรวจสอบพื้นที่ชุมชน สถานบันเทิงทุกวัน ส่วนพื้นที่ที่มีสถานบันเทิงมาก จะมีอีก 28 ชุด เสริมการปฏิบัติงาน นอกจากนี้ ยังมี "ชุดใหญ่" จากกองกำกับการตำรวจนครบาล 9 นครบาล รวม 18 ชุด และมีชุดกลาง อีก 2 ชุด คือ ชุดหาข่าวและเคลื่อนที่เร็วปฏิบัติการพิเศษ ส่วนในพื้นที่ปริมณฑล จะมุ่งเน้นเฉพาะพื้นที่สีแดง รวมใช้กำลังกว่า 2,114 นาย
นายชาติชาย สุทธกลม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงปัญหานักโทษค้ายาเสพติด และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์มีส่วนเกี่ยวข้อง จะทำให้เรือนจำมีความมั่นคงยิ่งขึ้น โดยจะนำเครื่องตัดสัญญาณโทรทัพท์มือถือประมาณ 7-8 แห่งก่อน เพื่อไม่ให้เป็นช่องทางกระทำความผิด ซึ่งเป็นแนวทางที่เหมาะสมและแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
ขณะที่ นางสุรีย์ประภา ตรัยเวช เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า ในช่วงรัฐบาลประกาศนโยบายเร่งรัดปราบปรามยาเสพติด 3 เดือน ป.ป.ส.ได้ยึดอายัดทรัพย์สินผู้กระทำผิดกว่า 500 ราย มูลค่าทรัพย์สิน 250 ล้านบาท และเพื่อให้การปฏิบัติการกวาดล้างมีความคล่องตัว ในการประชุม ป.ป.ส.วันที่ 26 เมษายนนี้ จะเสนอออกบัตรเจ้าหนักงาน ให้เจ้าหน้าที่ที่เป็นทหารหรือพลเรือนประมาณ 200 คน