เกิดเหตุรถบรรทุกน้ำมันดีเซลขนาดใหญ่ ชนิดรถพ่วงขนาดบรรทุก 30,000 ลิตร พลิกคว่ำบนถนนสายเอเชีย หลัก กม.ที่ 42-43 ตรงด่านเก็บเงินเก่า เส้นทางมุ่งหน้าไปภาคเหนือ ช่วงเขต ม.6 ต.หันสังข์ อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา
โดยพบว่ารถบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ ตัวรถยี่ห้อวอลโว่ สีขาว หมายเลขทะเบียน 73-0233 กทม. ตัวพ่วงที่เป็นถังบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ หมายเลข 73-0234 กทม. ซึ่งพลิกคว่ำอยู่ตรงซ่องทางซ้ายสุดติดกับไหล่ทางของถนน และด้านซ้ายของตัวรถครูดไถลไปกับผิวถนนเป็นทางยาวและไหล่ทาง ส่วนทางขวาของตัวรถชี้ขึ้นฟ้า ทั้งนี้น้ำมันจำนวนหนึ่งได้รั่วออกมาที่ฝาด้านบนของถังบรรทุก โดยมีการไหล่ออกมาตลอดเวลา แต่เป็นปริมาณไม่มากที่จะสร้างอันตรายแก่คนหรือสิ่งแวดล้อมได้ ส่วนวาวท่อน้ำมันสำหรับต่อถ่ายโอนน้ำมัน พบว่าอยู่ด้ายซ้ายของรถและไม่สามารถใช้งานได้ เพราะว่าอยู่ติดพื้นดินมากเกินไปกว่าที่จะมีการสอดท่อเพื่อถ่ายโอนน้ำมันออกมาจากถังน้ำมันขนาด 30,000 ลิตรได้
ตรวจสอบพบว่า คนขับชื่อ นายเชิด ยวนเพ็ชร อายุ 32 ปี บ้านเดิมอยู่เลขที 9 ม.16 ต.ชุมแสง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ และรถคันดังกล่าวเป็นของ บริษัท ภาคใต้เชื้อเพลิง จำกัด ที่รับน้ำมันดีเซลจำนวน 30,000 ลิตร มูลค่าประมาณ 900,000 บาท เพื่อจะไปส่งลูกค้าที่ จ.พิจิตร แต่เมื่อก่อนถึงที่เกิดเหตุเล็กน้อย นายเชิดยอมรับหลับใน และพอถึงที่เกิดเหตุที่ถนนไม่ตรง เพราะมีลักษณะเป็นโค้งยาวเล็กน้อย ทำให้ตกใจตื่นและพยามยามจะดึงพวงมาลับรถมาทางขวา เพื่อไม่ให้รถตกถนนในด้านซ้ายแต่ไม่ทัน และทำให้รถเสียหลักพลิกคว่ำ โชคดีไม่ชนรถบนถนนหรือชนคนทั่วไป และน้ำมันยังไหลทะลักออกมาจากถังไม่มากนัก คงมีเพียงไหลออกมาเล็กน้อยตามท่อและฝาถังเท่านั้น
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ของบริษัท ภาคใต้เชื้อเพลิง จำกัด ได้เข้ามาตรวจสอบแล้ว และต้องเฝ้าเพื่อป้องกันการไหลของน้ำมันมากกว่านี้ โดยยืนยันว่าน้ำมันจำนวน 30,000 ลิตร ยังอยู่ในถังและไหลออกมาไม่มากและไม่ทำให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมและคนแน่นอนแต่ต้องเฝ้าระวัง เพราะว่ากลัวคนจะมาลักน้ำมันได้ โดยน้ำมันที่ไหลออกมาตรงฝาถัง ได้มีการนำถังพลาสติกไปรองน้ำมันที่ไหลออกมาแล้วเช่นกัน
สำหรับแนวทางการกู้รถน้ำมันที่พลิกคว่ำนั้นทำได้ยาก เพราะว่าไม่สามารถถ่ายเอาน้ำมันออกจากมารถได้ ด้วยวาวสำหรับต่อเชื่อมการถ่ายโอนน้ำมันไปอยู่ด้านล่างที่ติดกับผิวถนน ทำให้ไม่สามารถต่อท่อเชื่อมโยงได้ และแนวทางเดียวคือต้องใช้รถเครนขนาดใหญ่มาก มาดำเนินการยกรถน้ำมัน พร้อมพ่วงท้ายบรรทุกน้ำมันให้ตั้งเป็นปกติเสียก่อน จากนั้นจึงจะต่อท่อเพื่อถ่ายโอนน้ำมันไปยังรถอีก 1 คันได้ ซึ่งต้องใช้เวลานานมากเช่นกัน และรถเครนจะเดินทางมาถึงในช่วงค่ำของวันนี้
อย่างไรก็ตามพบว่า ถึงแม้จะมีเหตุการณ์รถบรรทุกน้ำมันพลิกคว่ำ แต่กลับพบว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หน่วยงานปกครอง หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าดำเนินการเพื่อป้องกันหรือร่วมแก้ไขปัญหา คงปล่อยให้เจ้าหน้าที่ของบริษัทน้ำมันดำเนินการแต่เพียงผู้เดียว ทั้งที่เมื่อก่อนสงกรานต์ที่ผ่านมาเคยมีการซ้อมแผนเผชิญเหตุในลักษณะนี้แล้ว แต่พอเกิดเหตุการณ์จริงๆ กลับไม่มีเจ้าหน้าที่จากทุกหน่วยงานเข้าไปตรวจสอนหรือไปดูเหตุการณ์แต่อย่างใด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าภาครัฐที่ต้องทำหน้าที่ป้องกันเหตุ และแก้ไขเหตุการณ์ในลักษณะนี้ไม่มีความพร้อมในการเผชิญเหตุเช่นกัน
โดยพบว่ารถบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ ตัวรถยี่ห้อวอลโว่ สีขาว หมายเลขทะเบียน 73-0233 กทม. ตัวพ่วงที่เป็นถังบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ หมายเลข 73-0234 กทม. ซึ่งพลิกคว่ำอยู่ตรงซ่องทางซ้ายสุดติดกับไหล่ทางของถนน และด้านซ้ายของตัวรถครูดไถลไปกับผิวถนนเป็นทางยาวและไหล่ทาง ส่วนทางขวาของตัวรถชี้ขึ้นฟ้า ทั้งนี้น้ำมันจำนวนหนึ่งได้รั่วออกมาที่ฝาด้านบนของถังบรรทุก โดยมีการไหล่ออกมาตลอดเวลา แต่เป็นปริมาณไม่มากที่จะสร้างอันตรายแก่คนหรือสิ่งแวดล้อมได้ ส่วนวาวท่อน้ำมันสำหรับต่อถ่ายโอนน้ำมัน พบว่าอยู่ด้ายซ้ายของรถและไม่สามารถใช้งานได้ เพราะว่าอยู่ติดพื้นดินมากเกินไปกว่าที่จะมีการสอดท่อเพื่อถ่ายโอนน้ำมันออกมาจากถังน้ำมันขนาด 30,000 ลิตรได้
ตรวจสอบพบว่า คนขับชื่อ นายเชิด ยวนเพ็ชร อายุ 32 ปี บ้านเดิมอยู่เลขที 9 ม.16 ต.ชุมแสง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ และรถคันดังกล่าวเป็นของ บริษัท ภาคใต้เชื้อเพลิง จำกัด ที่รับน้ำมันดีเซลจำนวน 30,000 ลิตร มูลค่าประมาณ 900,000 บาท เพื่อจะไปส่งลูกค้าที่ จ.พิจิตร แต่เมื่อก่อนถึงที่เกิดเหตุเล็กน้อย นายเชิดยอมรับหลับใน และพอถึงที่เกิดเหตุที่ถนนไม่ตรง เพราะมีลักษณะเป็นโค้งยาวเล็กน้อย ทำให้ตกใจตื่นและพยามยามจะดึงพวงมาลับรถมาทางขวา เพื่อไม่ให้รถตกถนนในด้านซ้ายแต่ไม่ทัน และทำให้รถเสียหลักพลิกคว่ำ โชคดีไม่ชนรถบนถนนหรือชนคนทั่วไป และน้ำมันยังไหลทะลักออกมาจากถังไม่มากนัก คงมีเพียงไหลออกมาเล็กน้อยตามท่อและฝาถังเท่านั้น
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ของบริษัท ภาคใต้เชื้อเพลิง จำกัด ได้เข้ามาตรวจสอบแล้ว และต้องเฝ้าเพื่อป้องกันการไหลของน้ำมันมากกว่านี้ โดยยืนยันว่าน้ำมันจำนวน 30,000 ลิตร ยังอยู่ในถังและไหลออกมาไม่มากและไม่ทำให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมและคนแน่นอนแต่ต้องเฝ้าระวัง เพราะว่ากลัวคนจะมาลักน้ำมันได้ โดยน้ำมันที่ไหลออกมาตรงฝาถัง ได้มีการนำถังพลาสติกไปรองน้ำมันที่ไหลออกมาแล้วเช่นกัน
สำหรับแนวทางการกู้รถน้ำมันที่พลิกคว่ำนั้นทำได้ยาก เพราะว่าไม่สามารถถ่ายเอาน้ำมันออกจากมารถได้ ด้วยวาวสำหรับต่อเชื่อมการถ่ายโอนน้ำมันไปอยู่ด้านล่างที่ติดกับผิวถนน ทำให้ไม่สามารถต่อท่อเชื่อมโยงได้ และแนวทางเดียวคือต้องใช้รถเครนขนาดใหญ่มาก มาดำเนินการยกรถน้ำมัน พร้อมพ่วงท้ายบรรทุกน้ำมันให้ตั้งเป็นปกติเสียก่อน จากนั้นจึงจะต่อท่อเพื่อถ่ายโอนน้ำมันไปยังรถอีก 1 คันได้ ซึ่งต้องใช้เวลานานมากเช่นกัน และรถเครนจะเดินทางมาถึงในช่วงค่ำของวันนี้
อย่างไรก็ตามพบว่า ถึงแม้จะมีเหตุการณ์รถบรรทุกน้ำมันพลิกคว่ำ แต่กลับพบว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หน่วยงานปกครอง หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าดำเนินการเพื่อป้องกันหรือร่วมแก้ไขปัญหา คงปล่อยให้เจ้าหน้าที่ของบริษัทน้ำมันดำเนินการแต่เพียงผู้เดียว ทั้งที่เมื่อก่อนสงกรานต์ที่ผ่านมาเคยมีการซ้อมแผนเผชิญเหตุในลักษณะนี้แล้ว แต่พอเกิดเหตุการณ์จริงๆ กลับไม่มีเจ้าหน้าที่จากทุกหน่วยงานเข้าไปตรวจสอนหรือไปดูเหตุการณ์แต่อย่างใด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าภาครัฐที่ต้องทำหน้าที่ป้องกันเหตุ และแก้ไขเหตุการณ์ในลักษณะนี้ไม่มีความพร้อมในการเผชิญเหตุเช่นกัน
