นายสิงหะ นิกรพันธุ์ ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก กล่าวว่า การคุ้มครองเงินฝาก เป็นระบบที่รัฐบาลสร้างความเข้มแข็งให้สถาบันการเงิน มีศักยภาพในการจ่ายเงินคืนตามวงเงินที่กำหนด เมื่อสถาบันการเงินปิดกิจการ สำหรับผู้ฝากเงินในประเทศมีประมาณ 60 ล้านราย ส่วนใหญ่เป็นเงินฝากกระแสรายวันประเภทออมทรัพย์ ประจำ บัตรเงินฝาก และใบรับฝากที่เป็นเงินบาท ไม่เกิน 1 ล้านบาท ร้อยละ 98.5 ยกเว้นบัญชีเงินบาทประเภทฝากพิเศษของผู้ที่อาศัยนอกประเทศ จะไม่ได้รับความคุ้มครองหรือแล้วแต่กรณี
นายสิงหะ กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันระบบคุ้มครองเงินฝากมีการใช้ใน 106 ประเทศทั่วโลก อาทิ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย อินเดียและไทย ซึ่งใช้มาตั้งแต่ปี 2551 และตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2554 จะทยอยลดวงเงินคุ้มครองให้เหลือไม่เกิน 50 ล้านบาท และจะลดวงเงินคุ้มครองเหลือ 1 ล้านบาท ในปี 2555 ซึ่งจะไม่กระทบต่อประชาชนมากนัก หากสถาบันการเงินปิดกิจการ โดยผู้ฝากสามารถยื่นเอกสารขอรับเงินคืนได้ภายใน 90 วัน และจะได้รับเงินคืนใน 30 วัน
อย่างไรก็ตาม การล้มละลายหรือปิดกิจการ ของสถาบันการเงินในประเทศเป็นไปได้ยาก เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจไทยมีความมั่นคง ผู้สนใจสอบถามสามารถดูรายละเอียดได้ทาง www.dpa.or.th หรือ โทร.02 272 0300
นายสิงหะ กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันระบบคุ้มครองเงินฝากมีการใช้ใน 106 ประเทศทั่วโลก อาทิ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย อินเดียและไทย ซึ่งใช้มาตั้งแต่ปี 2551 และตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2554 จะทยอยลดวงเงินคุ้มครองให้เหลือไม่เกิน 50 ล้านบาท และจะลดวงเงินคุ้มครองเหลือ 1 ล้านบาท ในปี 2555 ซึ่งจะไม่กระทบต่อประชาชนมากนัก หากสถาบันการเงินปิดกิจการ โดยผู้ฝากสามารถยื่นเอกสารขอรับเงินคืนได้ภายใน 90 วัน และจะได้รับเงินคืนใน 30 วัน
อย่างไรก็ตาม การล้มละลายหรือปิดกิจการ ของสถาบันการเงินในประเทศเป็นไปได้ยาก เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจไทยมีความมั่นคง ผู้สนใจสอบถามสามารถดูรายละเอียดได้ทาง www.dpa.or.th หรือ โทร.02 272 0300