นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กล่าวถึงการช่วยเหลือผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมตัวจากเหตุการณ์ชุมนุมก่อความไม่สงบ ว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กรมคุ้มครองสิทธิฯ ได้โอนเงินช่วยเหลือจากกองทุนยุติธรรม กว่า 23 ล้านบาท เพื่อเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ในการยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาระหว่างการพิจารณาคดี อีก 37 ราย ไปยังสำนักงานยุติธรรม จ.อุบลราชธานี และ จ.ขอนแก่น ซึ่งทางสำนักงานยุติธรรมจังหวัด ได้แจ้งผลการช่วยเหลือให้ผู้ต้องขังรับทราบแล้ว ขั้นตอนหลังจากนี้ญาติของผู้ต้องขัง ต้องมาทำสัญญารับเงินสนับสนุนกับเจ้าหน้าที่ หลังจากนั้นกรมคุ้มครองสิทธิฯ จะร่างคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว และยื่นต่อศาลเพื่อพิจารณาต่อไป
นางสุวณา กล่าวว่า จากจำนวนผู้ต้องขัง 180 ราย ใน 14 เรือนจำ ยื่นคำร้องขอความช่วยเหลือ จากกรมคุ้มครองสิทธิฯ จำนวน 151 ราย โดยแบ่งเป็น 1. กลุ่มขอความช่วยเหลือเรื่องการประกันตัว 124 ราย มีเงินประกันตัว 76 ราย ไม่มีเงินประกันตัว 48 ราย ซึ่งกลุ่มที่ไม่มีเงินกรมคุ้มครองสิทธิฯ รับหน้าที่ดำเนินการยื่นคำร้องขอประกันตัว โดยใช้เงินกองทุนยุติธรรม เป็นหลักทรัพย์ประกันตัว จำนวน 48 ราย 2. กลุ่มขอความเป็นธรรมเกี่ยวข้องกับคดี 49 ราย เจ้าหน้าที่ประสานไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการแจ้งผล 3. กลุ่มขอความช่วยเหลือให้มีทนายความต่อสู้คดี 45 ราย ซึ่งได้ประสานไปยังสภาทนายความให้จัดหาทนายความแล้ว 4. กลุ่มขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับความเป็นอยู่ในเรือนจำ 26 ราย ซึ่งได้แจ้งไปยังกรมราชทัณฑ์ให้ดำเนินการช่วยเหลือด้านเครื่องอุปโภคบริโภค และขอย้ายเรือนจำกลับภูมิลำเนาในบางรายไปแล้ว 4 . กลุ่มขอให้ช่วยเหลือครอบครัว 49 ราย 5. กลุ่มขอความช่วยเหลือการรักษาพยาบาล 5 ราย และ 6. กลุ่มขอความช่วยเหลือด้านการศึกษาของบุตรและผู้ต้องขัง 11 ราย
นางสุวณา กล่าวว่า จากจำนวนผู้ต้องขัง 180 ราย ใน 14 เรือนจำ ยื่นคำร้องขอความช่วยเหลือ จากกรมคุ้มครองสิทธิฯ จำนวน 151 ราย โดยแบ่งเป็น 1. กลุ่มขอความช่วยเหลือเรื่องการประกันตัว 124 ราย มีเงินประกันตัว 76 ราย ไม่มีเงินประกันตัว 48 ราย ซึ่งกลุ่มที่ไม่มีเงินกรมคุ้มครองสิทธิฯ รับหน้าที่ดำเนินการยื่นคำร้องขอประกันตัว โดยใช้เงินกองทุนยุติธรรม เป็นหลักทรัพย์ประกันตัว จำนวน 48 ราย 2. กลุ่มขอความเป็นธรรมเกี่ยวข้องกับคดี 49 ราย เจ้าหน้าที่ประสานไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการแจ้งผล 3. กลุ่มขอความช่วยเหลือให้มีทนายความต่อสู้คดี 45 ราย ซึ่งได้ประสานไปยังสภาทนายความให้จัดหาทนายความแล้ว 4. กลุ่มขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับความเป็นอยู่ในเรือนจำ 26 ราย ซึ่งได้แจ้งไปยังกรมราชทัณฑ์ให้ดำเนินการช่วยเหลือด้านเครื่องอุปโภคบริโภค และขอย้ายเรือนจำกลับภูมิลำเนาในบางรายไปแล้ว 4 . กลุ่มขอให้ช่วยเหลือครอบครัว 49 ราย 5. กลุ่มขอความช่วยเหลือการรักษาพยาบาล 5 ราย และ 6. กลุ่มขอความช่วยเหลือด้านการศึกษาของบุตรและผู้ต้องขัง 11 ราย
