ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 มกราคม ที่ผ่านมา กองทัพกัมพูชาได้มีคำสั่งให้เสริมกำลังทหารที่สังกัดหน่วยรบพิเศษ (รพศ.) 911 จำนวน 200 นาย เข้ามาที่ชายแดนบริเวณตรงข้ามฝั่งไทย ที่ช่องตาเฒ่า ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โดยหน่วยรบพิเศษชุดนี้เคยเข้ามาประจำอยู่ที่บริเวณปราสาทพระวิหาร เมื่อครั้งเกิดเหตุการณ์ปะทะวันที่ 15 กรกฎาคม 2551 เป็นเหตุให้ทหารสองฝ่ายได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย หลังจากเหตุการณ์ปกติ ก็ได้มีคำสั่งถอนกำลังทหารรบพิเศษชุดนี้ออกไป
สำหรับเหตุผลของการเรียกกำลังพลจาก รพศ. 911 มาเสริมที่ชายแดนเขาพระวิหารอีกครั้ง แหล่งข่าวรายงานว่า เนื่องจากขณะนี้ทางฝ่ายกัมพูชากำลังสร้างกระแสให้คนในชาติ จากกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ 7 คนไทยลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และเป็นเหตุให้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มารวมตัวกันที่ชายแดน เพื่อกดดันให้ช่วยเหลือ 7 คนไทย ทำให้ชาวกัมพูชาเป็นห่วงว่ากลุ่มพันธมิตรฯ และเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ จะปลุกกระแสชาตินิยมให้คนไทยกดดันให้ทหารไทย ใช้กำลังอาวุธบุกยึดดินแดนกัมพูชา หน่วยรบพิเศษจึงได้รับคำสั่งให้กลับมาพื้นที่ชายแดน เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ร้ายแรง ที่อาจเกิดขึ้นได้
ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวรายงานว่า สำหรับความเคลื่อนไหวของกองกำลังทหารฝ่ายไทยยังคงปกติ ไม่มีการเสริมกำลังแต่อย่างใด และเหตุการณ์ทั่วไปก็ปกติ และจากการตรวจสอบยอดผู้ต้องขังชาวกัมพูชาที่เรือนจำ อ.กันทรลักษ์ ขณะนี้มีจำนวน 15 คน ยังไม่มีคำสั่งให้ปล่อยตัวกลับแต่อย่างใด มีเพียงชาวกัมพูชา 2 คน ที่ถูกปล่อยไปเมื่อวานนี้ (13 ม.ค.) โดยญาติได้มารอรับที่จุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ
สำหรับเหตุผลของการเรียกกำลังพลจาก รพศ. 911 มาเสริมที่ชายแดนเขาพระวิหารอีกครั้ง แหล่งข่าวรายงานว่า เนื่องจากขณะนี้ทางฝ่ายกัมพูชากำลังสร้างกระแสให้คนในชาติ จากกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ 7 คนไทยลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และเป็นเหตุให้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มารวมตัวกันที่ชายแดน เพื่อกดดันให้ช่วยเหลือ 7 คนไทย ทำให้ชาวกัมพูชาเป็นห่วงว่ากลุ่มพันธมิตรฯ และเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ จะปลุกกระแสชาตินิยมให้คนไทยกดดันให้ทหารไทย ใช้กำลังอาวุธบุกยึดดินแดนกัมพูชา หน่วยรบพิเศษจึงได้รับคำสั่งให้กลับมาพื้นที่ชายแดน เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ร้ายแรง ที่อาจเกิดขึ้นได้
ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวรายงานว่า สำหรับความเคลื่อนไหวของกองกำลังทหารฝ่ายไทยยังคงปกติ ไม่มีการเสริมกำลังแต่อย่างใด และเหตุการณ์ทั่วไปก็ปกติ และจากการตรวจสอบยอดผู้ต้องขังชาวกัมพูชาที่เรือนจำ อ.กันทรลักษ์ ขณะนี้มีจำนวน 15 คน ยังไม่มีคำสั่งให้ปล่อยตัวกลับแต่อย่างใด มีเพียงชาวกัมพูชา 2 คน ที่ถูกปล่อยไปเมื่อวานนี้ (13 ม.ค.) โดยญาติได้มารอรับที่จุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ