อุทกภัยครั้งร้ายแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์ของออสเตรเลีย กำลังก่อให้เกิดความเสียหายถึงขั้นหายนะแก่โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ในรัฐควีนส์แลนด์ และบังคับให้เหมืองถ่านหินซึ่งเป็นผู้ผลิตเชื้อเพลิงสำคัญป้อนโรงถลุงเหล็กกล้าต่างๆ ในเอเชีย ต้องหยุดดำเนินงานไปประมาณ 75% ทั้งนี้เป็นการแถลงของนายกรัฐมนตรีรัฐทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของแดนจิงโจ้แห่งนี้เมื่อวันพุธ(5) ขณะเดียวกัน ทางด้านนักวิทยาศาสตร์ก็เตือนว่า น้ำท่วมใหญ่ยังกำลังคุกคาม “เกรต แบร์ริเออร์ รีฟ” แนวปะการังใหญ่ที่สุดของโลกอีกด้วย
น้ำท่วมครั้งร้ายแรงที่สุดคราวนี้กำลังส่งผลกระทบกระเทือนพื้นที่กว้างใหญ่ขนาดประเทศเยอรมนีและฝรั่งเศสรวมกัน โดยทำให้เมืองเล็กๆ จำนวนมากอยู่ในสภาพเหมือนเกาะกลางทะเลโคลนตม, ทำลายพืชผลเสียหายย่อยยับ, ตัดเส้นทางรถไฟและถนนหนทางสายสำคัญๆ ที่เชื่อมโยงกับท่าเรือขนถ่ายถ่านหิน, ลดทอนสินค้าส่งออก, และบังคับให้ราคาถ่านหินในตลาดโลกขยับสูงขึ้น
แอนนา บลิจ นายกรัฐมนตรีรัฐควีนส์แลนด์ บอกกับสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นว่า เวลานี้อุทกภัยกำลังส่งผลเสียหายโดยตรงต่อเมืองต่างๆ ในควีนส์แลนด์รวม 40 เมืองแล้ว ขยับขึ้นมาจากจำนวน 22 เมืองก่อนหน้านี้
ขณะที่ “75%ของเหมือง(ถ่านหิน)ของเราเวลานี้ไม่สามารถดำเนินงานได้เพราะน้ำท่วมครั้งนี้” เธอกล่าว และแจกแจงด้วยว่า “ดังนั้น มันจึงมีผลกระทบอย่างใหญ่โตต่อตลาดระหว่างประเทศ และพวกอุตสาหกรรมการผลิตเหล็กกล้าระหว่างประเทศ”
น้ำท่วมครั้งร้ายแรงที่สุดคราวนี้กำลังส่งผลกระทบกระเทือนพื้นที่กว้างใหญ่ขนาดประเทศเยอรมนีและฝรั่งเศสรวมกัน โดยทำให้เมืองเล็กๆ จำนวนมากอยู่ในสภาพเหมือนเกาะกลางทะเลโคลนตม, ทำลายพืชผลเสียหายย่อยยับ, ตัดเส้นทางรถไฟและถนนหนทางสายสำคัญๆ ที่เชื่อมโยงกับท่าเรือขนถ่ายถ่านหิน, ลดทอนสินค้าส่งออก, และบังคับให้ราคาถ่านหินในตลาดโลกขยับสูงขึ้น
แอนนา บลิจ นายกรัฐมนตรีรัฐควีนส์แลนด์ บอกกับสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นว่า เวลานี้อุทกภัยกำลังส่งผลเสียหายโดยตรงต่อเมืองต่างๆ ในควีนส์แลนด์รวม 40 เมืองแล้ว ขยับขึ้นมาจากจำนวน 22 เมืองก่อนหน้านี้
ขณะที่ “75%ของเหมือง(ถ่านหิน)ของเราเวลานี้ไม่สามารถดำเนินงานได้เพราะน้ำท่วมครั้งนี้” เธอกล่าว และแจกแจงด้วยว่า “ดังนั้น มันจึงมีผลกระทบอย่างใหญ่โตต่อตลาดระหว่างประเทศ และพวกอุตสาหกรรมการผลิตเหล็กกล้าระหว่างประเทศ”
