นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุด กล่าวถึงการยื่นคำพิทักษ์ทรัพย์คดี จากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดียึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาท ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และครอบครัว ว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (24 มี.ค.) กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง กรมบังคับคดี คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และอัยการ ได้ร่วมประชุมกัน เพื่อพิจารณาติดตามทรัพย์สิน 4.6 หมื่นล้านบาท ของพ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัว หลังจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาให้ยึดทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดินแล้ว ซึ่งที่ประชุมได้มอบหมายให้อัยการยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อออกหมายบังคับคดี และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ก่อนวันที่ 26 มีนาคมนี้
นอกจากนี้ รองอัยการสูงสุด ยังกล่าวอีกว่า การยื่นอุทธรณ์คดีเป็นสิทธิที่คู่ความจะยื่นได้ตามกฎหมาย โดยหากศาลพิจารณาแล้ว ไม่ปรากฏพยานหลักฐานใหม่ ก็จะมีคำสั่งยกคำร้อง ซึ่งขั้นตอนนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับอัยการ แต่หากศาลฎีกา
รับอุทธรณ์ ก็จะมีคำสั่งให้ส่งสำเนาอุทธรณ์ ให้อัยการแก้อุทธรณ์ของคู่ความต่อไป
นอกจากนี้ รองอัยการสูงสุด ยังกล่าวอีกว่า การยื่นอุทธรณ์คดีเป็นสิทธิที่คู่ความจะยื่นได้ตามกฎหมาย โดยหากศาลพิจารณาแล้ว ไม่ปรากฏพยานหลักฐานใหม่ ก็จะมีคำสั่งยกคำร้อง ซึ่งขั้นตอนนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับอัยการ แต่หากศาลฎีกา
รับอุทธรณ์ ก็จะมีคำสั่งให้ส่งสำเนาอุทธรณ์ ให้อัยการแก้อุทธรณ์ของคู่ความต่อไป