สำนักข่าวเกียวโดของญี่ปุ่นรายงานว่า ญี่ปุ่นเตรียมรับปากให้ความช่วยเหลือมูลค่า 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แก่เฮติ ซึ่งประสบภัยแผ่นดินไหว ในที่ประชุมผู้บริจาคนานาชาติ ที่นครมอนทรีออลของแคนาดาในวันนี้
รายงานอ้างแหล่งข่าวรัฐบาลว่า ทางการญี่ปุ่นตัดสินใจจะเพิ่มความช่วยเหลือให้แก่เฮติ จากจำนวน 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กลุ่มประเทศผู้บริจาคเตรียมเปิดการประชุมในวันนี้ ที่นครมอนทรีออลของแคนาดา เพื่อหารือถึงแนวทางการฟื้นฟูเฮติหลังเกิดแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่า มียอดผู้เสียชีวิตสูงถึง 150,000 คน โดยสหรัฐฯ แคนาดา ฝรั่งเศสและบราซิล รวมถึงผู้บริจาคอื่นๆ ที่มีผลประโยชน์ในเฮติ จะพยายามกำหนดนโยบายระยะยาวเพื่อฟื้นฟูเฮติ ซึ่งเป็นประเทศยากจนที่สุดในซีกโลกตะวันตก
ทั้งนี้หลังเกิดแผ่นดินไหวดังกล่าว ญี่ปุ่นได้ให้คำมั่นในเบื้องต้นว่า จะให้ความช่วยเหลือ 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งน้อยกว่าความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ ซึ่งมีจำนวนถึง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และน้อยกว่าความช่วยเหลือของเกาหลีใต้ซึ่งมีจำนวน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ รายงานดังกล่าวเปิดเผยว่า หลังจากญี่ปุ่นให้คำมั่นดังกล่าวแล้ว สหประชาชาติได้กระตุ้นให้ญี่ปุ่นเพิ่มความช่วยเหลือในฐานะประเทศซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก และในฐานะผู้บริจาครายใหญ่อันดับ 2 ของสหประชาชาติ
รายงานอ้างแหล่งข่าวรัฐบาลว่า ทางการญี่ปุ่นตัดสินใจจะเพิ่มความช่วยเหลือให้แก่เฮติ จากจำนวน 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กลุ่มประเทศผู้บริจาคเตรียมเปิดการประชุมในวันนี้ ที่นครมอนทรีออลของแคนาดา เพื่อหารือถึงแนวทางการฟื้นฟูเฮติหลังเกิดแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่า มียอดผู้เสียชีวิตสูงถึง 150,000 คน โดยสหรัฐฯ แคนาดา ฝรั่งเศสและบราซิล รวมถึงผู้บริจาคอื่นๆ ที่มีผลประโยชน์ในเฮติ จะพยายามกำหนดนโยบายระยะยาวเพื่อฟื้นฟูเฮติ ซึ่งเป็นประเทศยากจนที่สุดในซีกโลกตะวันตก
ทั้งนี้หลังเกิดแผ่นดินไหวดังกล่าว ญี่ปุ่นได้ให้คำมั่นในเบื้องต้นว่า จะให้ความช่วยเหลือ 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งน้อยกว่าความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ ซึ่งมีจำนวนถึง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และน้อยกว่าความช่วยเหลือของเกาหลีใต้ซึ่งมีจำนวน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ รายงานดังกล่าวเปิดเผยว่า หลังจากญี่ปุ่นให้คำมั่นดังกล่าวแล้ว สหประชาชาติได้กระตุ้นให้ญี่ปุ่นเพิ่มความช่วยเหลือในฐานะประเทศซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก และในฐานะผู้บริจาครายใหญ่อันดับ 2 ของสหประชาชาติ