นางสาวสมลักษณ์ จัดกระบวนพล กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ระบุถึงการใช้อำนาจตามกฎหมายที่มีของ ป.ป.ช. ในการพิจารณาฐานความผิด 3 นายพลตำรวจ ที่ ป.ป.ช. มีคำวินิจฉัย ว่าผิดวินัยร้ายแรง แต่คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร.เห็นว่า ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจในการพิจารณา เนื่องจากกรณีที่ถูกกล่าวหานั้น ไม่ใช้เรื่องการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ โดยนางสาวสมลักษณ์ กล่าวยืนยันว่า ป.ป.ช.มีคำอธิบายที่อยู่บนพื้นฐานของกฎหมายที่ชัดเจน ซึ่งจะแสดงให้เห็นได้ว่า ป.ป.ช. มีอำนาจในการพิจารณากรณีนี้ได้อย่างไร แต่ที่ยังไม่ชี้แจงขณะนี้ เนื่องจากว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.เห็นว่า การตอบคำถามต่างๆ ในเวลานี้จะเป็นเพียงการตอบข่าวที่ปรากฏ ดังนั้นจึงทำหนังสือขอเอกสารมติของ ก.ตร.ทั้ง 2 ครั้ง ที่ผ่านมาอย่างเป็นทางการ ซึ่งหากได้รับเอกสารมติ ก.ตร. ดังกล่าวแล้ว คณะกรรมการ ป.ป.ช.จะมีคำอธิบายในคราวเดียว
ด้าน พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ เปิดเผยเช่นเดียวกัน โดยยอมรับว่า ก.ตร. กำลังอยู่ระหว่างการแก้ไขความถูกต้องของมติทั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากการบันทึกมติครั้งแรกนั้นไม่ค่อยเรียบร้อย ซึ่งหากตรวจทานแก้ไขเสร็จสิ้นแล้วจะส่งต่อให้ ป.ป.ช.ตามที่ขอมา
อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.นพดล กล่าวต่อว่า หากมติของ ก.ตร. ที่ออกมาให้รับ 3 นายพลตำรวจกลับเข้ารับราชการไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้ เมื่อครบกำหนดอุทธรณ์ 90 วัน คงต้องเป็นเรื่องของตัวบุคคล ที่จะร้องต่อศาลปกครองต่อไป
ด้าน พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ เปิดเผยเช่นเดียวกัน โดยยอมรับว่า ก.ตร. กำลังอยู่ระหว่างการแก้ไขความถูกต้องของมติทั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากการบันทึกมติครั้งแรกนั้นไม่ค่อยเรียบร้อย ซึ่งหากตรวจทานแก้ไขเสร็จสิ้นแล้วจะส่งต่อให้ ป.ป.ช.ตามที่ขอมา
อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.นพดล กล่าวต่อว่า หากมติของ ก.ตร. ที่ออกมาให้รับ 3 นายพลตำรวจกลับเข้ารับราชการไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้ เมื่อครบกำหนดอุทธรณ์ 90 วัน คงต้องเป็นเรื่องของตัวบุคคล ที่จะร้องต่อศาลปกครองต่อไป
