การประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. ซึ่งประกอบไปด้วยสภาหอการค้า สมาคมธนาคารไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย วันนี้ นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ที่ประชุมได้หารือกรณีที่องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น หรือ เจโทร ได้ออกมาแสดงความเห็นว่า ประเทศไทยไม่มีความโดดเด่นที่จะลงทุนเหมือนที่ผ่านมา สืบเนื่องมาจากกรณีปัญหาโครงการมาบตาพุด
เจโทร เป็นหน่วยงานของรัฐบาลญี่ปุ่นที่ทำหน้าที่ให้ข้อมูลแก่นักลงทุนญี่ปุ่นในต่างประเทศ และที่ผ่านมานักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น เข้ามาลงทุนในไทยโดยมีมูลค่าสูงสุด ดังนั้น ความเห็นของเจโทรจึงมีผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุนญี่ปุ่นที่ไม่เคยลงุทนในไทย
ทั้งนี้ ที่ประชุม กกร. จะเสนอให้รัฐบาลออกมาชี้แจงการแก้ปัญหามาบตาพุดให้นักธุรกิจญี่ปุ่นรับทราบ ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของ นายสุชาติ สักการโกศล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งกล่าวว่า การที่เจโทรออกมาแสดงความเห็นในครั้งนี้ถือเป็นสิ่งที่ต้องรับฟัง เนื่องจากญี่ปุ่นเป็นนักลงทุนรายสำคัญและใหญ่ที่สุดของไทย ดังนั้นรัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหานี้ และหากได้ข้อสรุปที่ชัดเจนโดยเร็ว หรือภายในระยะเวลา 8-9 เดือนตามที่เคยระบุไว้จะเป็นเรื่องดีต่อภาวะการลงทุนของไทย
เจโทร เป็นหน่วยงานของรัฐบาลญี่ปุ่นที่ทำหน้าที่ให้ข้อมูลแก่นักลงทุนญี่ปุ่นในต่างประเทศ และที่ผ่านมานักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น เข้ามาลงทุนในไทยโดยมีมูลค่าสูงสุด ดังนั้น ความเห็นของเจโทรจึงมีผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุนญี่ปุ่นที่ไม่เคยลงุทนในไทย
ทั้งนี้ ที่ประชุม กกร. จะเสนอให้รัฐบาลออกมาชี้แจงการแก้ปัญหามาบตาพุดให้นักธุรกิจญี่ปุ่นรับทราบ ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของ นายสุชาติ สักการโกศล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งกล่าวว่า การที่เจโทรออกมาแสดงความเห็นในครั้งนี้ถือเป็นสิ่งที่ต้องรับฟัง เนื่องจากญี่ปุ่นเป็นนักลงทุนรายสำคัญและใหญ่ที่สุดของไทย ดังนั้นรัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหานี้ และหากได้ข้อสรุปที่ชัดเจนโดยเร็ว หรือภายในระยะเวลา 8-9 เดือนตามที่เคยระบุไว้จะเป็นเรื่องดีต่อภาวะการลงทุนของไทย
