สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช กล่าวเนื่องในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ 2553 ขอให้คนไทยร่วมกันตั้งจิตอธิษฐานถวายพระพรให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน และอวยพรส่งความปรารถนาดีให้แก่กันตามประเพณีที่ปฏิบัติกันมายาวนาน เริ่มตั้งแต่บิดามารดา ผู้มีพระคุณ ญาติมิตร และคนทั่วไป ขอให้มีความสุขกายสุขใจ เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขสวัสดี ทั้งในประเทศและทั่วโลก
นอกจากนี้ ยังขอให้พุทธศาสนิกชนได้น้อมนำคุณธรรม 4 ประการ ซึ่งเป็นหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ในการไม่มองเห็นความผาสุกสวัสดีอื่นใด เกินไปกว่าการมีปัญญา ความขยันหมั่นเพียร มีสติระมัดระวัง และเสียสละ มาใช้ดำเนินชีวิต โดยปัญญา คือการอยู่กันด้วยเหตุผลและต้องใช้กับคนมีเหตุผล ซึ่งต้องสร้างให้มีจำนวนมากขึ้นมากกว่าคนไม่มีเหตุผล เพราะคนไม่มีเหตุผลตามหลักพระพุทธศาสนา คือคนที่ถูกอันตรายสำคัญ 3 ประการคอยจ้องทำลายโดยไม่รู้ตัว คือความโลภ ความโกรธ และความหลง
สำหรับความขยันหมั่นเพียร คือความตั้งใจแน่วแน่ที่จะทำให้สำเร็จตามเหตุผลที่ถูกต้อง ส่วนสติ คือการระมัดระวังและเตือนตนเองอยู่เสมอไม่ปล่อยให้สิ่งที่จะเกิดขึ้นมาทำอันตรายแก่ตนได้ และความเสียสละ ซึ่งจะทำให้คนเราอยู่กันได้ เช่น บิดา มารดาพึงเสียสละให้แก่บุตร-ธิดา เจริญก้าวหน้า
นอกจากนี้ ยังขอให้พุทธศาสนิกชนได้น้อมนำคุณธรรม 4 ประการ ซึ่งเป็นหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ในการไม่มองเห็นความผาสุกสวัสดีอื่นใด เกินไปกว่าการมีปัญญา ความขยันหมั่นเพียร มีสติระมัดระวัง และเสียสละ มาใช้ดำเนินชีวิต โดยปัญญา คือการอยู่กันด้วยเหตุผลและต้องใช้กับคนมีเหตุผล ซึ่งต้องสร้างให้มีจำนวนมากขึ้นมากกว่าคนไม่มีเหตุผล เพราะคนไม่มีเหตุผลตามหลักพระพุทธศาสนา คือคนที่ถูกอันตรายสำคัญ 3 ประการคอยจ้องทำลายโดยไม่รู้ตัว คือความโลภ ความโกรธ และความหลง
สำหรับความขยันหมั่นเพียร คือความตั้งใจแน่วแน่ที่จะทำให้สำเร็จตามเหตุผลที่ถูกต้อง ส่วนสติ คือการระมัดระวังและเตือนตนเองอยู่เสมอไม่ปล่อยให้สิ่งที่จะเกิดขึ้นมาทำอันตรายแก่ตนได้ และความเสียสละ ซึ่งจะทำให้คนเราอยู่กันได้ เช่น บิดา มารดาพึงเสียสละให้แก่บุตร-ธิดา เจริญก้าวหน้า