นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติให้ประธาน กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง เป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดคดีเงิน 258 ล้านบาท ที่แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ถูกกล่าวหาได้รับจากบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) เมื่อปี 2548 ว่า ไม่ว่าจะมีคำวินิจฉัยออกมาอย่างไร พร้อมยอมรับคำตัดสิน แต่ขอให้ประธาน กกต. มีสติ ยึดหลักกฎหมายและพยานหลักฐาน อดทนต่อการถูกวิพากษ์วิจารณ์ และไม่ควรให้ความสำคัญกับแรงกดดันจากภายนอก
ขณะเดียวกัน ขอให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหยุดวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงชี้นำ เพราะตามกฎหมายให้อำนาจนายทะเบียนพรรคการเมืองเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจ เนื่องจากคดีของพรรคประชาธิปัตย์เกี่ยวข้องกับการเงิน เป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งต่างจากคดียุบพรรคการเมืองอื่น ที่เป็นการทุจริตการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ ส.ว. ดังนั้น มติของ กกต.จึงไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง แต่เป็นการกระทำตามที่กฎหมายกำหนด
ขณะเดียวกัน ขอให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหยุดวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงชี้นำ เพราะตามกฎหมายให้อำนาจนายทะเบียนพรรคการเมืองเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจ เนื่องจากคดีของพรรคประชาธิปัตย์เกี่ยวข้องกับการเงิน เป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งต่างจากคดียุบพรรคการเมืองอื่น ที่เป็นการทุจริตการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ ส.ว. ดังนั้น มติของ กกต.จึงไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง แต่เป็นการกระทำตามที่กฎหมายกำหนด
